นับจากที่บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ NCH เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2537 โดยแม่ทัพอย่าง “นำชัย ตันฑเทอดธรรม”ผู้เป็นบิดา ของ “สมเชาว์-สมนึก ตันฑเทอดธรรม” ก็ได้รุกธุรกิจอสังหาฯในกรุงเทพฯโซนเหนือ(รังสิต-ลำลูกกา)ที่มีความชำนาญ และมีที่ดินที่ซื้อสะสมไว้มากพอสมควร ด้วยการเปิดตัวครั้งแรก 5 โครงการรวด ภายใต้แบรนด์ “บ้านฟ้า” ซึ่งพัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ปรากฎว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีการย้ายฐานที่อยู่อาศัยมาทำเลกรุงเทพฯโซนเหนือ กันอย่างต่อเนื่อง และหลังจากปี 2540 ก็เริ่มมีผู้ประกอบการอสังหาฯเข้ามาพัฒนาโครงการในทำเลดังกล่าวมากขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้กลุ่มเอ็น.ซี.หยุดการพัฒนาเพียงเท่านั้น ยังคงเดินหน้าขยายอาณาจักร และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม
ผู้บุกเบิกตลาดบ้านกรุงเทพฯโซนเหนือ
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ NCH ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2 เปิดเผยว่า กลุ่มเอ็น.ซี.ฯถือเป็นผู้นำในการบุกเบิกทำเล กรุงเทพฯ โซนเหนือ มาถึง 27 ปี จนแบรนด์เป็นที่ยอมรับของลูกค้า จนกระทั่งในปี 2544 ได้รุกขยายอาณาจักรด้วยการพัฒนาโครงการในรูปแบบของเมืองมากขึ้น  ภายใต้แบรนด์ “บ้านฟ้าปิยรมย์” ในรูปแบบของบ้านไทยประยุกต์ สมัยรัชกาลที่ 5 ยิ่งทำให้เอ็น.ซี.ฯได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้น ยอดขายในช่วงนั้นถล่มทลาย

จนกระทั่งในปี 2547-2548 พบว่าที่ผ่านมาพื้นที่ใกล้เมืองจะมีแต่การพัฒนาโครงการสำหรับการอยู่อาศัยเพียงเท่านั้น แต่ยังไม่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสนามกอล์ฟ สำหรับผู้ที่ต้องการบ้านหลังแรก จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการ “ธัญธานี โฮม ออนกรีน” เพราะมองว่า “กอล์ฟ เป็นไลฟ์สไตล์ที่เป็นพรีเมียม ดังนั้นบ้านจึงต้องมีความน่าอยู่อาศัย” ซี่งในเฟสแรก จึงได้พัฒนาบ้านในสไตล์โคโลเนียล รอบสนามกอล์ฟ ขึ้นมา เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน  มีการออกแบบฟังก์ชั่นที่หลากหลาย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

ปรับแบรนด์เข้ากับยุคดิจิทัล

จนกระทั่งในปี 2559 ได้ขยายเปิดต่อในเฟสที่ 3 และเปลี่ยนชื่อจาก “ธัญธานี โฮม ออนกรีน” เป็น “เอ็น.ซี. ออน กรีน ฌาร์ม” (NC ON GREEN CHARM) โดย ฌ” เป็นพยัญชนะไทยที่บ่งบอกถึงความเป็นสีเขียว ในขณะที่ “Charmในภาษาอังกฤษจะหมายถึง “ความมีเสน่ห์” ซึ่งจะทำให้โครงการมีความร่มรื่น น่าอยู่อาศัย โดยเฟส3 นี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 50 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว สไตล์คอนเท็มโพรารี่  ขนาด 56-100 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 5.5-20 ล้านบาท จำนวนกว่า 100 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70%

“บ้านในเฟสที่ 3 นี้ แม้จะไม่ติดสนามกอล์ฟ แต่ก็ได้วิว แสง และลม รวมไปถึงมีการนำนวัตกรรม Active Airflow จากเอสซีจีมานำร่องใช้ในโครงการด้วย โดยนวัตกรรมนี้เป็นการดึงอากาศร้อนขึ้นไปบนหลังคา และดึงอากาศเย็นเข้ามา ทำให้บ้านเย็นตลอดเวลา  ทำให้สมาชิกมีความสดชื่นและมีสุขภาพที่ดี”

นอกจากนี้ในโครงการ “เอ็น.ซี. ออน กรีน ฌาร์ม” บริษัทยังได้ร่วมกับอีก 2 พันธมิตร คือ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ด้าน New Product : Quality Air For Life เครื่องปรับอากาศ ระบบ Intelligent Auto Mode  : Anti-Bacterial ปลอดเชื้อในบ้าน และป้องกัน PM2.5 และเชื้อโควิด-19 เพื่อการดูแลสุขภาพคนในบ้าน  ในการนำนวัตกรรม NANO EX ปล่อยประจุไฟฟ้าออกมากเป็นระบบนาโน มาใช้กับโครงการดังกล่าว

และ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TOA ผู้นำสีผนังปลอดเชื้อกำจัดเชื้อไวรัสได้จริง ด้วย Concept ตั้งการ์ดให้บ้านปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมสีทาภายใน New Normal มาตรฐานใหม่ ช่วยดักจับ ยับยั้ง และทำลายเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 ด้วยอนุภาค Silver Nano Technology ที่มีอยู่ในสีทาภายใน TOA กลไกของแร่เงินจำนวนมากจะส่งประจุอิออน 1+ เข้าดักจับไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยผ่านการทดสอบจาก คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าสามารถกำจัดเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 ได้ถึง 99.9%

 

“ตลอดระยะเวลา 27 ปีที่ผ่านมา เราดูแลลูกค้าครอบคลุมทุก Generation รองรับถึง 3 วัย ดังนั้นวัสดุก่อสร้างที่ใช้จะต้องตอบโจทย์ทุกช่วงวัย ยิ่งช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราก็ยิ่งดูแลลูกค้ามากเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาก็ได้รับความพึงพอใจเป็นอย่างดี”

 

พัฒนาสินค้าตอบโจทย์ดีมานด์

จากการร่วมมือกับพันธมิตรในการนำนวัตกรรมใหม่ๆเพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย มาใช้ในโครงการ “เอ็น.ซี. ออน กรีน ฌาร์ม” แล้ว  ในอนาคตทาง NCH ยังมีแผนที่จะนำนวัตกรรมดังกล่าวไปใช้กับทุกโครงการในทุกระดับราคา ซึ่งสามารถเลือกว่าจะนำระบบรูปแบบไหนเข้าไปใช้เพื่อความเหมาะสมในแต่ละโครงการ โดยคาดว่าจะนำนวัตกรรมดังกล่าวไปใช้กับโครงการบ้านฟ้าปิยรมย์นอร์เดิร์น  ราคาเริ่มต้น  5.9  ล้านบาท   โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ทิวา ราคาเริ่มต้น  6  ล้านบาท  เป็นลำดับถัดไป

ทั้งนี้ที่ผ่านมาเอ็น.ซี.ฯพยายามที่จะพัฒนาสินค้า เพื่อตอบโจทย์และเป็นทางเลือกอันดับต้นๆให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อในระยะเวลาอันรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะสนใจซื้อในระดับราคา 2-3 ล้านบาท  โดยส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อเพราะรูปแบบการดีไซน์ รองลงมาจะเป็นเรื่องวัสดุก่อสร้าง และการบริหารหลังการขาย ทำให้ลูกค้าที่ซื้อแล้วมีการบอกต่อในสัดส่วนถึง 50%  เนื่องจากส่วนใหญ่มีความผูกพันกับการอยู่อาศัยในโครงการของเอ็น.ซี.ฯ  ขณะเดียวกันบริษัทฯก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาโครงการ เพื่อให้ลูกค้าอยู่อาศัยอย่างมีความสุข ด้วยการจัดให้ลูกบ้านมาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเป็นมากกว่าการอยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว

“ลูกค้าที่มาซื้อโครงการจะดูที่ความคุ้มค่าก่อน และเรื่องอื่นๆก็จะเป็นองค์ประกอบในลำดับถัดไป ซึ่งถือว่าเป็นเบสิคของเอ็น.ซี.ฯ เพราะก่อนที่เราจะพัฒนาโครงการก็ต้องมีการศึกษาข้อมูลมาก่อนแล้ว  ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าในการอยู่อาศัยระยะยาว รวมไปถึงรู้สึกภูมิใจและผูกพันกับโครงการอีกด้วย”

เรียกว่า เอ็น.ซี.กรุ๊ป นั้นพร้อมที่จะปรับตัวในเรื่องการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มอายุของลูกค้า รวมทั้งเดินหน้านำนวัตกรรมใหม่ๆมาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทุกโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และขยายฐานลูกค้าที่มากขึ้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*