ซีบีอาร์อีฯเผยครึ่งปีแรก63 ตลาดคอนโดฯพื้นที่กทม.ชะลอตัว โครงการเปิดตัวใหม่ต่ำในรอบ 10 ปี  หลังรัฐปลดล็อกส่งผลแนวรถไฟฟ้าสายใหม่-ส่วนต่อขยาย ราคาเริ่มต้นกว่า 2 ล้านบาทเริ่มฟื้นตัว ขณะตลาดลักชัวรี่ผู้ประกอบการเร่งระบายสินค้าเก่า ระบุคอนโดฯรอโอน 2 ปีข้างหน้ามากกว่า 140,000 ยูนิต เสี่ยงลูกค้าทิ้งจอง ตลาดกลับสู่ภาวะผันผวน คาดผังเมืองฉบับใหม่ช่วยเพิ่มทำเลศักยภาพ ดึงกำลังซื้อต่างชาติคืน
นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ
นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยความไม่แน่นอนและแรงกดดันทางการเงินที่ถาโถมเข้ามาในตลาดอสังหาริมทรัพย์จากกาแพร่รระบาดของโควิด-19  ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยส่วนใหญ่ตัดสินใจเลื่อนแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ๆ ออกไป และมุ่งเน้นไปที่การระบายสต๊อกสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันโดยเฉพาะในโครงการที่การก่อสร้างแล้วเสร็จ เพื่อสร้างรายได้ให้กลับเข้าบริษัทอย่างรวดเร็ว

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครชะลอตัว มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมไม่ถึง 10,000 ยูนิต ซึ่งต่ำกว่าปริมาณการเปิดตัวคอนโดมิเนียมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่มาก ที่มีการเปิดโครงการใหม่มากกว่า 60,000 ยูนิตต่อปี   ถือว่ามีโครงการเปิดตัวใหม่ต่ำในรอบ 10 ปี  อย่างไรก็ตามหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา  ธุรกิจต่างๆ ก็ค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวและเริ่มมีผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยบางรายเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่

โครงการคอนโดมิเนียมใหม่กลุ่มแรกที่เปิดตัวในตลาด คือ โครงการที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ซื้ออยู่อาศัยเองที่มีงบประมาณไม่มากนัก    นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา แผนกวิจัย ซีบีอาร์อีฯ พบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เกิดขึ้นตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายใหม่และแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในอนาคต   โดยโครงการเหล่านี้มีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 2 ล้านบาท และโครงการใหม่ที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมมักจะมีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท

ในทางกลับกัน ไม่มีคอนโดมิเนียมระดับบนและระดับลักชัวรี่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ เนื่องจากยังมีซัพพลายที่คงเหลือในตลาดและต้นทุนที่ดินในย่านใจกลางเมืองยังคงสูงต่อการพัฒนาโครงการ  ในขณะที่นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นในการใช้เงินสดจำนวนมากในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเหล่านี้

จากการสำรวจโดยแผนกวิจัยซีบีอาร์อีฯ พบว่าแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่คอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่บางส่วนมีอัตราการขายที่ดีในการเปิดตัวระยะแรก โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่เปิดตัวด้วยสินค้าและราคาที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ซื้อที่เป็นฐานกลุ่มใหญ่ของตลาดที่มีกำลังซื้อลดลง และตั้งอยู่ในทำเลที่น่าสนใจที่ยังมีคอนโดมิเนียมในพื้นที่ไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาวะดังกล่าวจะดูเหมือนเป็นแนวโน้มที่ดีในการฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ แต่ปริมาณคอนโดมิเนียมใหม่ที่จะแล้วเสร็จและจะเข้าสู่ตลาดยังเป็นที่น่ากังวล    ในปี 2563 จะมีคอนโดมิเนียมกว่า 60,000 ยูนิตที่คาดว่าจะแล้วเสร็จ และอีกประมาณ 80,000 ยูนิตจะแล้วเสร็จในปี 2564 – 2565     ด้วยจำนวนคอนโดมิเนียมมากกว่า 140,000 ยูนิต ที่รอการโอนในช่วงระยะ 2 ปีข้างหน้านี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการทิ้งเงินจองคอนโดมิเนียมจำนวนมากซึ่งจะทำให้ตลาดกลับเข้าสู่สภาวะผันผวนอีกครั้ง เนื่องจากผู้ซื้อจำนวนมากที่ต้องการเก็บเงินสดไว้อาจตัดสินใจที่จะไม่โอนห้องชุดที่จองไว้

“อนาคตของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ นั้นขึ้นอยู่กับทิศทางที่ผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยจะดำเนินร่วมกัน   ด้วยจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี  ปัจจุบันนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ตลาดจะต้องทำให้ปัญหาเรื่องภาวะโอเวอร์ซัพพลายและเรื่องราคาที่สูงเกินที่มีมายาวนานกลับมามีความสมดุลย์อีกครั้ง” นายรัฐวัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในอนาคตโอกาสของตลาดคอนโดมิเนียมยังคงมีอยู่ ซึ่งจะมาจากเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 4 สาย ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565     ผังเมืองกรุงเทพฯ ฉบับใหม่ที่จะปลดล็อกทำเลที่มีศักยภาพมากมายสำหรับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม  และความต้องการจากผู้ชื้อต่างชาติที่จะกลับมาอีกครั้งเมื่อสถานการณ์โควิด-19 สิ้นสุดลง

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*