การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยวตอนนี้เป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากลำบากสำหรับนักลงทุน เพราะราคาอสังหาฯ ที่ปรับลดลงมาที่ 7-15% และมีการปรับลดเพิ่มที่แตกต่างกันไปในแต่ละ Developer แต่ละโครงการ  รวมถึงโปรโมชั่นที่แต่ละค่ายนำเสนอนั้น ต้องบอกว่าจัดเป็นพิเศษอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ก็เป็นปัจจัยที่ต้องคิดหนัก เพราะแม้ล่าสุด รัสเซีย จะจดทะเบียนวัคซีนโควิด-19 เป็นชาติแรกของโลกแล้วก็ตาม และคาดว่าจะมีชาติอื่นสามารถจดทะเบียนตามมาในเร็วๆ นี้ แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะกลับมาในระดับเดิม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่นักลงทุนรวมทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์เองจะเกิดความระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยวที่น่าจะใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตามประเด็นนี้พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มองว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวนั้นต้องพิจารณาเป็นแต่ละเมืองไป เพราะบางแห่งกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้เช่าก็ไม่ได้มีเฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงกลุ่มคนทำงานที่ย้ายถิ่นฐานมาจากจังหวัดอื่น และนักธุรกิจ อีกทั้งกลุ่มผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวก็ไม่ใช่นักท่องเที่ยวทั้งหมด แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนไทยที่มีเงินเก็บ ซึ่งหากใครได้ติดตามข่าวในช่วงนี้ จะเห็นว่าบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ยังคงออกมาให้สัมภาษณ์ว่ายังมีความเชื่อมั่นศักยภาพอสังหาริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยวและกล้าที่จะเปิดโครงการใหม่ในช่วงนี้ เพราะมองว่าอีก 2-3 ปี ข้างหน้า กำลังซื้อต้องกลับมา

สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ระบุว่าการประเมินจากฐานข้อมูลแนวโน้มยอดขาย 8 จังหวัดเมืองท่องเที่ยวน่าจะลดลงทุกพื้นที่ เทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ไม่ว่าจะเป็นโคราช ชลบุรี โดยเฉพาะภูเก็ตยอดขายลดลง 40% หรือสุราษฎร์ฯ ลดลง 50%  อย่างไรก็ตามโอกาสการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยต่างจังหวัดยังมีศักยภาพจากการเป็นเมืองท่องเที่ยวทำให้มีตลาด 2 ส่วนคือ 1. กลุ่มเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่เอง (ชาวไทยที่ต้องไปทำงานในเมืองนั้นๆ อาทิ ผู้บริหาร พนักงานโรงแรม)  2.นักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่ารองรับลูกค้าคนไทยและต่างชาติ รอความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมาจึงจะเห็นการซื้อขายฟื้นตัว โดยคาดการณ์ว่าจังหวัดท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายด้านมีโอกาสฟื้นตัวเร็วกว่า ได้แก่ หัวหิน ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย มีดีมานด์ซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ ซึ่งที่ผ่านมาแม้ในสถานการณ์โควิด-19 พบว่าตลาดเช่ายังไปได้ดี มีผู้เช่าที่สามารถ remote working เข้าพักอยู่, ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวทะเลอันดับโลก มีศักยภาพฟื้นตัวรองลงมา เช่นเดียวกับ เชียงใหม่ เป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองมหาวิทยาลัย, ชลบุรี ที่เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยวและเมืองอุตสาหกรรม

หากประเมินในภาพรวมจากผู้ประกอบการหลายค่ายที่ออกมาให้ข้อมูล เราพบว่าอสังหาริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยวยังมีโอกาสเติบโต ในเวลานี้จึงเป็นจังหวะเวลาของผู้ซื้อ เนื่องจากราคาที่ลดลง   ดังนั้น หลังวิกฤตโควิดจบลง เชื่อว่าเมืองท่องเที่ยวศักยภาพจะมีดีมานด์บ้านหลังที่สองฟื้นตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นถือว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นนักลงทุนจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*