หลังจากเราปรับตัวอยู่กับโควิด-19 มากว่าครึ่งปี ทุกภาคส่วนก็เริ่มเดินหน้าธุรกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นกัน ผู้ประกอบการเริ่มเปิดโครงการใหม่ ผู้ซื้อเองก็เข้าเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่องมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบ New Normal พบว่าความต้องการผู้ซื้อได้มีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ซึ่งเป็นความต้องการที่เพิ่มเข้ามาจากความต้องการพื้นฐานที่ปกติผู้ซื้อที่อยู่อาศัยนั้นจะพิจารณาจากปัจจัยด้านทำเล คุณภาพโครงการ ชื่อเสียงบริษัทผู้พัฒนาโครงการ และราคา แต่เมื่อถึงยุค New Normal ความต้องการของคนซื้อที่อยู่อาศัยก็มีความต้องการเจาะลึกลงรายละเอียดมากขึ้น  โดยจากการสำรวจพบว่าความต้องการของผู้ซื้อยุคใหม่จะเน้นปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. ด้านความปลอดภัย โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการสำรวจการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่พบว่าปัจจัยด้านความปลอดภัยมีความสำคัญเทียบเท่ากับทำเล โดยสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในความปลอดภัยด้านที่อยู่อาศัยนั้น ประกอบด้วย 1. การมีกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุม 2. มีสัญญาณกันขโมยหรือสัญญาณเตือนภัยหากเกิดการบุกรุก 3. มีรปภ.คอยดูแลตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง 4.มีระบบประตูล็อกดิจิทัล และ 5. มีระบบคีย์การ์ดสำหรับเข้าอาคารหรือการใช้ facility ในส่วนกลาง และจากผลการสำรวจเห็นได้ว่าความต้องการเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยเข้ามามีความสำคัญกับความรู้สึกของผู้ซื้อ และความปลอดภัยนี้ต้องดูแลโดยบุคลากรคุณภาพ ซึ่งปัจจัยด้านความปลอดภัยนี้ผู้ซื้อยังได้คำนึงถึงเรื่องการรับมือโรคระบาดด้วย เช่น ในยุคที่มีโควิด-19 เช่นนี้ หากสามารถคัดกรองบุคคลเข้าออกโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะสร้างความอุ่นใจให้ผู้อยู่อาศัยได้มากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่เป็นการป้องกันเรื่องความปลอดภัยด้านทรัพย์สินแต่ยังเป็นการดูแลควบคุมป้องกันโรค และเก็บข้อมูลการเข้า-ออกโครงการของบุคคลภายนอกไว้ติดตามกรณีมีเหตุจำเป็น
  1. ฟังก์ชั่นในห้องต่างๆ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ดีหรือไม่ การล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ ทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านตระหนักถึงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่างๆ ของบ้าน ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่วงที่ต้อง Work from Home ว่ามีพื้นที่สำหรับดัดแปลงเป็นห้องทำงานหรือไม่ มีห้องครัวที่สามารถรองรับกิจกรรมการทำอาหารที่มากขึ้นหรือไม่ รวมถึงมี Jogging Track สำหรับให้ออกกำลังกายกรณียิมปิดให้บริการ ซึ่งเรื่องนี้ในส่วนของผู้อยู่อาศัยในบ้านเดี่ยวอาจไม่เป็นปัญหา แต่สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมจะให้น้ำหนักกับพื้นที่และฟังก์ชั่นในห้องมากขึ้น
  1. บริการหลังการขายอย่างมืออาชีพ ข้อนี้เริ่มเห็นการให้น้ำหนักชัดขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ เนื่องจากการที่ผู้ซื้อต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น การติดต่อสื่อสารกับทีมบริหารจัดการโครงการหรือทีมนิติบุคคลจึงเกิดขึ้นบ่อยกว่าช่วงเวลาปกติ และกิจกรรมหลายอย่างต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพของทีมงานบริหารโครงการ โดยเฉพาะการจัดอบรมให้ทีมงานมีความรู้ความเข้าใจรับมือให้ทันสถานการณ์ในทุกวิกฤตเพื่อที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่และดูแลลูกบ้านผู้พักอาศัยได้อย่างถูกต้อง เช่น ในกรณีการระบาดของโควิด-19 หากเจ้าหน้าที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการจัดการอาคารสถานที่ และการจำกัดพื้นที่ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ก็อาจส่งผลกระทบไปสู่ผู้อยู่อาศัยร่วมท่านอื่นได้ ไม่เพียงเท่านี้การจัดการบางอย่าง เช่น การรับ-ส่ง พัสดุที่มีเข้ามาอย่างมากในช่วงล็อกดาวน์ก็ต้องได้รับการจัดการและการฉีดฆ่าเชื้ออย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในทุกรูปแบบ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้งานบริการหลังการขายเป็นปัจจัยที่ผู้ซื้อนำมาให้น้ำหนักในการพิจารณาซื้อที่อยู่อาศัยในยุคนี้
  1. การจัดการสิ่งแวดล้อมต้องได้มาตรฐาน อีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นั่นคือการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในโครงการที่อยู่อาศัยให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะช่วงที่มีโรคระบาด การจัดการขยะ การคัดแยกขยะ โดยเฉพาะขยะติดเชื้อเช่นหน้ากากอนามัย มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับทั้งการกระจายโรคและการรบกวนสิ่งแวดล้อม ในข้อนี้ผู้ซื้อจะพิจารณาว่าแต่ละโครงการได้มีการให้ความจริงจังในการจัดการเรื่องนี้มากแค่ไหน มีการจัดการให้ได้มาตรฐานจนได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หรือมีการส่งพนักงานไปอบรมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการปัญหาอย่างจริงจังแค่ไหน
  2. คอนเซปต์ของโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ถึงแม้ว่าผู้ซื้อจะให้น้ำหนักกับหลากหลายปัจจัยแต่อีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ในการพิจารณาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยนั่นคือ คอนเซปต์ของโครงการเข้ากับไลฟ์สไตล์หรือไม่ ซึ่งปัจจุบันโครงการที่อยู่อาศัยหลายโครงการโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมได้ออกแบบให้มีคอนเซปต์เฉพาะตัวที่ชัดเจน เช่น เป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะด้าน อย่างไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลุ่ม ในโครงการก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่เป็น Co-space สำหรับจัดกิจกรรมในกลุ่มเล็กๆ ร่วมกัน เช่น กิจกรรม DIY งานศิลปะ กิจกรรม Chef Table ซึ่งโครงการที่มีคอนเซปต์พิเศษนี้ ทีมงานนิติบุคคลก็ควรมีทักษะการดูแลพิเศษที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ได้ด้วยเช่นกัน หรือคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ที่ถูกออกแบบมาให้มีอารมณ์เหมือนพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ท การตกแต่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในบ้านพักตากอากาศ ทีมนิติบุคคลผู้ดูแลโครงการก็ต้องมีทักษะในการดูแลตกแต่งสถานที่ สร้างบรรยากาศที่ร่มรื่น ผ่อนคลาย หรือสามารถจัดกิจกรรมในโอกาสพิเศษที่สอดคล้องกับคอนเซปต์ในโครงการนั้นๆ ได้ดี

คอนโด เดอะ เบส สุขุมวิท 50

ความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนี้ถือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพราะแม้ว่าบางโครงการจะไม่ได้ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นทำเลทองแต่หากผู้พัฒนาโครงการใส่ใจรายละเอียดภายในโครงการให้ตรงความต้องการผู้ซื้อ ก็จะเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคยุค New Normal ได้ไม่ยาก

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*