ไรมอน แลนด์ฯเชื่ออสังหาฯครึ่งปีหลัง63 เริ่มฟื้นตัว มั่นใจลูกค้าจีนยังไม่ยกเลิกจองซื้อโครงการ รอจังหวะเปิดน่านฟ้าประเทศ เดินหน้ากลยุทธ์เร่งเพิ่มรายได้-กระแสเงินสดด้วยการระบายสต๊อกคอนโดฯพร้อมอยู่-ปรับดีไซน์ใหม่ หวังเจาะลูกค้าระดับไฮเอนด์ ประกาศเลื่อนเปิดตัวคอนโดฯ ย่านสุขุมวิท38 มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ออกไปก่อน คาดทั้งปีรายได้โตตามเป้า 2,500 – 3,000 ล้านบาท
นายไลโอเนล ลี
นายไลโอเนล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)หรือ RML เปิดเผยว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีความไม่แน่นอนและทำให้ลูกค้าตัดสินใจยากขึ้น แต่ยังเชื่อว่าภาพรวมสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นหลังวิกฤตินี้คลี่คลายลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น นโยบายลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น และกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง 2563

ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มลูกค้าต่างชาติคาดว่าจะกลับมาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะชาวจีน ที่มองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัยและสาธารณสุขที่ดี ทำให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้าชาวจีนยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยกเลิกการจองโครงการของบริษัทแต่อย่างใด เพียงแต่รอโอกาสเข้ามายังประเทศไทย เมื่อมีการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าการฟื้นฟูของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 จะเป็นไปอย่างชะลอตัว ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งใช้กลยุทธ์เร่งเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดต่อไป  โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เร่งระบายสต๊อกโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ อาทิ โครงการ The Lofts Asoke, The Diplomat 39, The Diplomat Sathorn, The River และ Unixx  เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มีสถานะมั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมี The Lofts Silom ซึ่งเป็นโครงการเพิ่งสร้างแล้วเสร็จมีลูกค้าเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ และทยอยเข้ามาอยู่อาศัย และยังคงมุ่งเน้นการขายไปที่โครงการ The Estelle Phrom Phong, TAIT12, The Lofts Ratchathewi   ขณะที่ตัวเลขยอดขาย (พรีเซล) ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,329 ล้านบาท

สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทฯในครึ่งปีหลัง 2563  บริษัทจะเพิ่มกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่อาศัยอยู่ในประเทศ    พร้อมปรับดีไซน์ ภายใต้แนวคิด “Design for Living” เพิ่มฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยที่หลากหลาย นำนวัตกรรมด้านการตลาดมาใช้ โดยเฉพาะช่องทาง O2O (Online to Offline) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมโครงการแบบเสมือนจริง (Virtual Tour) ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าการลงทุนในอสังหาฯระยะยาวจะยังคงเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะกรณีซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง มรดกหรือทรัพย์สินส่วนตัว โดยบริษัทจะมุ่งพัฒนานวัตกรรม ผนวกเข้ากับโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยแบบลักชัวรี่ของผู้บริโภค

ส่วนแผนการดำเนินการโครงการใหม่จะเป็นไปอย่างรอบคอบตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  บริษัทเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ออกไป จากเดิมวางแผนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ใหม่ 1 โครงการ มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท บนถนนสุขุมวิท 38 เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยที่ยังไม่เอื้อต่อการลงทุน โดยบริษัทมีการปรับลดการลงทุน เพื่อรอจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค
ด้านธุรกิจ Recurring Income บริษัทเตรียมเปิดตัวธุรกิจโรงแรม KITCH HOTEL ในช่วงปลายปี 2563  ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ “Never Hungry Concept” ภายใต้แนวความคิด “เปิดบ้านต้อนรับแก๊งเพื่อน” โดยจะเริ่มเปิดโซนร้านอาหารก่อนในเฟสแรก เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศ และในเฟส 2 เมื่อมีการเปิดประเทศ บริษัทจะเน้นเจาะตลาดกลุ่มชาวจีนและเอเชียที่สนใจอาหารและวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทย

ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ( Food & Beverage ) ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการวางกลยุทธ์ใหม่ของร้านอาหารบ้านหญิง โดยเน้นราคาที่จับต้องได้ ความสะดวกสบายในการใช้บริการ และรูปแบบไลฟ์สไตล์ New Normal ของผู้บริโภค

ทั้งนี้บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2563 จะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 2,500- 3,000 ล้านบาท

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*