หลังคลายล็อกดาวน์เฟส 4 ไปแล้ว ฟันเฟืองธุรกิจต่างๆ เริ่มหมุนขับเคลื่อนให้โลกของเราเดินไปข้างหน้า กำลังซื้อก็เริ่มกลับมาฟื้นตัว ภาคที่อยู่อาศัยเองก็มีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโลกเราจะผ่านมากี่วิกฤต แต่ความต้องการที่อยู่อาศัยนั้นก็ยังเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆของคนส่วนใหญ่ สิ่งหนึ่งที่โควิด-19 ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนเทรนด์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ไปจากเดิมที่พิจารณาเฉพาะเรื่องทำเล ดีไซน์ ขนาด และราคา แต่หลังจากที่โลกเรารู้จักกับโควิด-19 สิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อจะคำนึงถึงอย่างมากในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในแต่ละโครงการนั่นคือ การดูแลหลังการขายอย่างมืออาชีพของนิติบุคคล เพราะช่วงการระบาดของโควิด-19 ได้แสดงให้เห็นว่าการที่เราจะปลอดภัยและสามารถอุ่นใจในที่อยู่อาศัยได้มากแค่ไหนนั้น นิติบุคคลถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมาก

ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพของนิติบุคคลในแต่ละโครงการ เพราะนิติบุคคลหลายๆแห่งถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่พาลูกบ้านผ่านวิกฤตมาได้อย่างน่าประทับใจ ขอยกตัวอย่างการทำงานของบางโครงการที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ดูแล ที่ไม่ได้ปรับการทำงานเพียงแค่การเข้มงวดด้านการทำความสะอาดฆ่าเชื้อ หรือคัดกรองผู้คนเข้า-ออกโครงการเท่านั้น แต่ยังทำงานลงลึกไปถึงขั้นตอนการคัดแยกขยะ ซึ่งขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสำคัญในช่วงที่มีโรคระบาดอย่างมาก เพราะขยะติดเชื้อจากครัวเรือนจำนวนมากถูกทิ้งส่งออกปะปนไปกับขยะทั่วไป เป็นการเพิ่มภาระให้กับหน่วยงานของรัฐที่ดูแลการคัดแยกขยะติดเชื้อเหล่านั้น การจัดการเรื่อง Waste Management และขยะติดเชื้อนี้จึงช่วยสร้างความอุ่นใจให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการว่าได้อยู่ในที่อยู่อาศัยที่มีสุขอนามัยที่ดี แม้จะเกิดโรคระบาดก็ได้รับการดูแลป้องกันควบคุมโรค เกิดความรู้สึกอุ่นใจได้

อีกหนึ่งตัวอย่างของงานบริหารนิติบุคคลที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ นั่นคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชั่นในการติดต่อสื่อสารระหว่างนิติบุคคลกับลูกบ้าน เป็นตัวกลางในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร การรับ-ส่งพัสดุ การจ่ายค่าบริการสาธารณูปโภค การซื้อสินค้าออนไลน์ และการแจ้งเกี่ยวกับ ผู้มาติดต่อ ถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่เพราะเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่อำนวยความสะดวกผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน และที่สำคัญยังสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นตลาดนัดออนไลน์ให้กับคนในโครงการได้แลกเปลี่ยนสินค้ากันอีกด้วย นอกจากนี้การนำเทคโนโลยีเข้ามาดูแลด้านความปลอดภัยของโครงการก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ เพราะบางโครงการนำระบบสแกนใบหน้ามาใช้แทนการสแกนนิ้วเพื่อช่วยลดการสัมผัส หรือการลงทะเบียนผู้มาติดต่อล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่น รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ให้สอดคล้องกับการทำงานของ รปภ. เช่นการใช้ QR Code ให้รปภ.สแกนในบริเวณจุดตรวจในพื้นที่โครงการ ก็จะทำให้ทีมนิติบุคคลสามารถติดตามและตรวจสอบทราบว่า รปภ. ได้มีการทำงานในจุดใดอย่างไรบ้าง

การบริหารงานของนิติบุคคลนั้น แทบทุกโครงการจะทำงานคล้ายกัน แต่หากพิจารณาในรายละเอียดจะพบความแตกต่างอย่างมาก หากผู้ซื้อไม่ใส่ใจก่อนตัดสินใจซื้ออาจเข้าทำนองตาดีได้ตาร้ายเสีย แถมยังเป็นความเสียหายในระยะยาวอีกด้วย เนื่องจากการจะใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยแต่ละโครงการอย่างมีความสุขนั้นนิติบุคคลคือหัวใจหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ เพราะอนาคตนโยบายด้านรักษาความปลอดภัย การดูแลสภาพแวดล้อมของโครงการ การบริหารงบประมาณโครงการ รวมถึงการแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างเจ้าของร่วมในโครงการ ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของนิติบุคคลทั้งสิ้น ดังนั้นหากเลือกไม่ดี อาจสร้างปัญหาจนต้องขายที่อยู่อาศัยทิ้งไปในที่สุด แต่หากเลือกโครงการที่มีนิติบุคคลมืออาชีพและเข้าใจลูกบ้าน ก็จะช่วยให้อยู่อาศัยอย่างมีความสุข อุ่นใจในทุกวัน และได้คนช่วยดูแลสินทรัพย์ของเราให้มีมูลค่าตราบนานเท่านานค่ะ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*