แพทโก้ กรุ๊ป เปิดแผนปี63 รุกเปิด 6 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 3,850 ล้านบาท ล่าสุดเบนเข็มรุกอสังหาฯกทม.ครั้งแรก คว้าที่ดินย่านลาดพร้าว 8 ไร่ ผุดทาวน์โฮม แบรนด์ “THER (เธอ)ลาดพร้าว 93” มูลค่า 850 ล้านบาท ชูจุดขายการันตีผลตอบแทน 10% ทั้งเล็งที่ดินย่านสาทร เย็นอากาศ ปั้นแบรนด์ลักชูรี่ต่อเนื่อง
 ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล
ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และ บริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของบริษัทฯว่า ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากบริษัทมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน และยังมีศักยภาพในฐานะผู้นำด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะโครงการที่เป็นจุดแข็งอย่าง วิจิตราธานี, เดอะ รอยัล สามมุข, และโครงการบ้านมารวย และเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวสถานีบริการจุดพักรถ S-station บางนา-ตราด กม.34 จึงช่วยสร้างการเติบโตของแพทโก้ กรุ๊ป ให้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในปีนี้ แพทโก้ กรุ๊ป มีแผนที่จะลงทุนด้วยความระมัดระวังมากขึ้น โดยตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ รวมมูลค่า 3,850 ล้านบาท

1.โครงการที่พัฒนาโดยบริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด 3 โครงการ ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ทั้งหมด รวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท

2.โครงการที่พัฒนาโดยบริษัทแพทโก้ แพตตินัม จำกัด 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์ เดอะ เทรดเชอร์ รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท  ซึ่งเป็นการพัฒนาบนที่ดินสะสมของบริษัทฯ บริเวณย่านบางนา-ตราด กม.34 พื้นที่ทั้งหมด 100 ไร่ แต่ในโครงการแรกจะนำมาพัฒนาก่อน 15 ไร่

3.บริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด  1 โครงการ  พัฒนาโครงการ“THER (เธอ) ลาดพร้าว 93” มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท

“จากการเปิดตัว 6 โครงการใหม่ในปีนี้ ส่งผลให้แพทโก้ กรุ๊ปมีโครงการในมือประมาณ 24 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมตลาดอสังหาฯ ทุกเซกเมนต์ เพื่อให้บริษัทขยายตัวโตอย่างต่อเนื่อง บนฐานรากที่มั่นคง” นายสืบวงษ์ กล่าว

ทั้งนี้สัดส่วนการทำตลาดของ แพทโก้ กรุ๊ป คือเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์รวม 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มระดับกลาง-ล่าง  ราคาตั้งแต่ 2-3 ล้านบาท, กลุ่มระดับกลาง -บน ราคาตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท และกลุ่มพรีเมี่ยม ราคาตั้งแต่ 6-25 ล้านบาท ซึ่งโครงการ ‘THER (เธอ) ลาดพร้าว 93 ก็อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยมเช่นกัน ส่วนในด้านของผลประกอบการของ แพทโก้ กรุ๊ป ในปี 2562 ถือได้ว่ามียอดขายที่โตขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 10-15% แต่เนื่องจากธนาคารมีความเข้มงวดปล่อยสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น ทำให้บริษัทมียอดโอนประมาณ 95% จากยอดขายรวมในปี 2561 แต่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้ยอดขายชะลอตัวไป 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

ดร.นวณัฐ สุขะมงคล

ดร.นวณัฐ สุขะมงคล รองประธานกรรมการ แพทโก้ กรุ๊ป และ บริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด   กล่าวว่า จากการที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ยังมีการพัฒนาในระยะเริ่มต้น ในขณะที่แพทโก้ กรุ๊ป มีโครงการที่พัฒนาเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกเซกเมนต์ และถือว่าเป็นจุดแข็งของแพทโก้ กรุ๊ป ซึ่งส่งผลให้คู่แข่งจากกรุงเทพ ทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดนี้กันมากขึ้น จึงทำให้ในเขต EEC ไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมาย  บริษัทจึงมองไปที่การเข้ารุกตลาดใหม่ๆ ในทำเลอื่น โดยใช้หลักการเดียวกันกับโครงการที่ผ่านมา คือต้องเป็นแหล่งชุมชนที่หนาแน่น มีความต้องการในที่อยู่อาศัยย่างแท้จริง และต้องไม่ใช่ตลาดเก็งกำไร ซึ่งบริษัทได้เลือกพื้นที่ กรุงเทพฯ เขตลาดพร้าว เป็นจุดหมายใหม่ของปีนี้ และถือว่าเป็นโครงการแรกที่เข้ามาทำตลาดในพื้นที่กทม. จากเดิมที่เน้นการพัฒนาในพื้นที่สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และสระแก้ว

โดยเริ่มจากโครงการ “THER (เธอ) ลาดพร้าว 93” ซึ่งเป็นการซื้อที่ดินจากนายแพทย์ท่านหนึ่ง ผ่านการดีลของคุณหญิงจินดา จรุงเจริญเวชช์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาบริษัท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 8 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ขนาดตั้งแต่ 22.1-28.5 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 8.9-10.8 ล้านบาท จำนวน 82 ยูนิต มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาเป็น 5 เฟส โดยเฟสแรก พัฒนาจำนวน 13 ยูนิต เปิดพรีเซลเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 50% โดยมอบหมายให้บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาและบริหารโครงการ คาดว่าจนถึงปลายปีจะสามารถปิดการขายได้ 2 เฟส

“ทั้งนี้ที่บริษัทฯเลือกพัฒนาโครงการในพื้นที่กทม.เพราะมองว่าเป็นเมืองแห่งโอกาส เป็นเมืองที่เป็นการรวมผู้ประกอบการเก่งๆ ทำให้มีการพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมาก จึงเป็นเมืองที่ดึงดูดนักลงทุนเข้ามา และส่งผลให้ราคาที่ดินปรับสูงขึ้นทุกปี หากเทียบกับสิงคโปร์แล้วราคายังถูกมาก และโครงการ THER (เธอ) ลาดพร้าว 93  เป็นโครงการรูปแบบใหม่ ที่ใช้ชื่อโครงการสื่อความหมายให้ผู้อาศัยรู้สึกว่า ‘บ้านของฉัน.. คือ เธอ’ โดยตัวโครงการเป็นพื้นที่สีเขียวแปลงใหญ่ มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากให้ความร่มรื่นตลอดพื้นที่ในโครงการ ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นจุดแข็งของโครงการ”

ดร.นวณัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจและเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการลงทุน เพราะตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง  ด้วยการนำทาวน์โฮมในเฟสที่ 5 จำนวน 7 ยูนิต มาจัดเป็นแพกเก็จ การันตีผลตอบแทน 10%  สำหรับลูกค้าที่ซื้อเงินสดและจ่ายภายในครั้งเดียว โดยลูกค้าจะได้รับผลตอบแทนดังกล่าวเมื่อบ้านก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง  หรือหากโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ก็สามารถนำไปขายต่อได้ ซึ่งสามารถทำผลกำไรได้มากกว่า 10%  โดยแพกเก็จดังกล่าวลูกค้าสามารถจองได้ตั้งแต่วันนี้ (21 กรกฎาคม 2563) เป็นต้นไป

ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนที่จะพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ “THER (เธอ)”อย่างต่อเนื่อง ปีละประมาณ 1 โครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการมองหาที่ดินในทำเลย่านสาทร และเย็นอากาศ โดยหากเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ก็จะเป็นการพัฒนาภายใต้แบรนด์ใหม่ที่เป็นลักชัวรี่ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาโครงการแนวราบได้ตอบโจทย์ลูกค้า เนื่องจากที่ผ่านมามีการพัฒนาโครงการแนวราบมาโดยตลอด จึงมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ดินที่ซื้อมาจะต้องนำมาพิจารณาก่อนว่าเหมาะสมที่จะพัฒนาภายใต้แบรนด์ไหน

นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์

ด้านนางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มารร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำเลย่านลาดพร้าวว่า ศักยภาพของตลาดที่อยู่อาศัยในลาดพร้าว พบว่ามีที่อยู่อาศัยทุกประเภทเกิดขึ้นมากมายตามความเจริญเติบโต จากการเก็บข้อมูลโครงการแนวราบจำนวน 555 ยูนิต บริเวณลาดพร้าวตอนต้น-ตอนปลายและเลียบด่วนเอกมัย นาคนิวาส-เลียบด่วนรามอินทรา ส่วนใหญ่ประมาณ 75% เป็นโครงการระดับราคา 5-8 ล้านบาท ตามมาด้วย 18% เป็นโครงการระดับราคา 8-10 ล้านบาท และอีก 7% เป็นโครงการระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยยอดขายโครงการในช่วงราคา 8-10 ล้านบาท มียอดขายสูงสุด 97% จากอุปทานที่มีอยู่ สำหรับโครงการในช่วงราคา 5-8 ล้านบาท มียอดขาย 66% และโครงการระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มียอดขาย 46% โดยอัตราการขายรวมในตลาดอยู่ที่ 70%

สำหรับทำเลโครงการส่วนใหญ่ในบริเวณนี้แบ่งออกเป็น 3 ทำเลหลักคือ ลาดพร้าวตอนต้น-รัชดา ,เลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา และลาดพร้าวตอนปลาย โดยแต่ละทำเลมีความแตกต่างกันออกไปสำหรับ ลาดพร้าวตอนต้น-รัชดา มีความเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่ มีทั้งห้างร้าน มีรถไฟฟ้าใต้ดินสายปัจจุบัน ส่วนทำเลเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทราเป็นทั้งถนนเส้นหลักในการเชื่อมเข้าตัวเมืองชั้นในและเป็นศูนย์รวมแหล่งบันเทิงจึงเป็นเส้นทางที่ไม่เคยหลับใหล และทำเลลาดพร้าวตอนปลายเป็นทำเลที่กำลังพัฒนาโดยมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2564 เป็นทำเลที่เชื่อมต่อไปยังใจกลางเมืองได้ง่าย รายล้อมด้วยศูนย์การค้าและโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เป็นย่านชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ มีความเป็นครอบครัวขนาดกลางทำให้ค่าครองชีพไม่สูงเหมือนทำเลอื่น

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ในด้านที่อยู่อาศัย  ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความต้องการพื้นที่ที่มากขึ้น เนื่องจากช่วง work from home ต้องมีการใช้พื้นที่เพื่อนั่งทำงานในบ้าน มีกิจกรรมอื่นๆ ทำภายในบ้าน จึงส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ที่กว้างขึ้น   นอกจากนี้จากพฤติกรรมการเสพสื่อทางออนไลน์และซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น  จึงส่งผลให้การมองหาบ้านที่มีราคาสมเหตุสมผลโดยเลือกทำเลการเดินทางสะดวกในแง่ของการใช้บริการรถสาธารณะ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*