GDP, LTV และ NPL เป็นสามคำที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และยิ่งมีปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) เข้ามากดทับอีกส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อและชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้าของตลาดภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวม

ความท้าทายต่างๆเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นกับอสังหาริมทรัพย์ทุกค่าย คือทำอย่างไรให้ไปต่อได้ในช่วงที่เหลือของปี 2563…

ซึ่งก็รวมถึง “CHEWA” หรือ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ปัจจุบันมีบริษัท ชาติชีวะ จํากัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 67.64 % นำโดย คุณชาติชาย พานิชชีวะ และคุณสมหะทัย พานิชชีวะ จากทุนจดทะเบียน 2,307.69 ล้านบาท (ทุนที่ชําระแล้ว 1,275.03 ล้านบาท) บริษัทฯประกอบธุรกิจหลัก 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่

1. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อทีอยู่อาศัย หลากหลายรูปแบบโดยมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมทั้งอาคารสูง (High Rise) อาคารเตี้ย (Low Rise) ที่ครอบคลุมทุกระดับราคา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกัน

2. ธุรกิจโรงงานสําเร็จรูปให้เช่า (Ready Built Factories) สําหรับผู้ประกอบการทั้งอุตสาหกรรรมขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีความต้องการพื้นที่สําหรับการประกอบธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯได้เลือกที่ตั้งในการดําเนินธุรกิจที่อยู่ในเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เช่าเป็นสําคัญ นอกจากนี้บริษัทยังพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น โฮมออฟฟิศ ร้านค้าปลีก เพื่อเช่าหรือเพื่อขาย

“เหนื่อยครับ ไม่ว่าใครต่างก็คงเหนื่อยกันทุกราย” …เป็นคำพูดสั้นๆแต่ก็ยังคงอารมณ์ดีที่ คุณบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ “CHEWA” กล่าวกับทีมงานของ prop2morrow.com ซึ่งเมื่อภาวะเศรษฐกิจและหลากหลายปัจจัยถาโถมเข้ามาทำให้ปี 2563ไม่ใช่ปีที่ง่ายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สำหรับ “CHEWA” ก็ต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมรองรับในยามเกิดวิกฤติและพร้อมที่จะเดินเกมรุกทันทีเมื่อสัญญาณที่ดีเริ่มกลับมา

ตลอดระยะเวลาที่ก่อตั้งบริษัทฯถึงปีนี้ก็12 ปี เผชิญกับความท้าทายที่มากมายหลากหลายจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ ทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย รวมถึงปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ณ วันนี้มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 25 โครงการแล้ว มูลค่ารวมประมาณ 24,915 ล้านบาท (ไม่รวมกับโครงการ Otium Phuket เป็นโครงการที่ Joint Venture ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นอยู่ 25% พัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ระดับพรีเมี่ยม จ.ภูเก็ต) โดยกลยุทธ์สำคัญที่วางไว้ในการสร้างการเติบโตของธุรกิจ นั้นได้รับการบอกเล่าจากผู้บริหารของ “CHEWA” ค่อนข้างที่จะเปิดกว้าง ทั้งในรูปแบบการขยายการลงทุนเองและลงทุนร่วมกับพันธมิตรในรูปแบบกิจการร่วมค้าในโครงการต่างๆ รวมถึงรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ อย่างเช่นโครงการคอนโดมิเนียม AQ Aria Asoke ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก” เป็นอาคารพักอาศัยสูง 29 ชั้น 1 อาคารจำนวน 315 ยูนิต มูลค่ารวมโครงการ1,694 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นโครงการพร้อมอยู่ และมีความคืบหน้าการขาย 90% แล้ว

“เหตุผลที่เราเปิดกว้าง เพราะเราไม่ใช่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ จึงจำเป็นที่ต้องมีความยืดหยุ่นในการคว้าโอกาส” คุณบุญ กล่าวย้ำ ซึ่งกลยุทธ์นี้ได้เริ่มมาทั้งก่อนและหลังการนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ในปี 2559

ปัจจุบันมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุน อยู่ภายใต้การบริหารงานของ “CHEWA” ประกอบด้วย ธุรกิจเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย มีดังนี้ บริษัท ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ จำกัด บริษัท ชีวา ฮาร์ท จำกัด บริษัท ชีวาทัย ฮัพ ซูน จำกัด และสำหรับบริษัท ชีวาทัย โฮม ออฟฟิศ จำกัด ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภท โฮมออฟฟิศ ทั้งนี้บริษัทได้ร่วมทุนกับ บริษัท กมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง จำกัด อีกด้วย

ชู 4 กลยุทธ์สำคัญสู่ความสำเร็จ

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯมีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอดรวมถึงมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การตลาดสำคัญๆดังนี้

• กลยุทธ์ด้านทำเล ที่ตั้งเน้นทำเลที่มีศักยภาพใกล้แหล่งชุมชุน มีเส้นทำงคมนาคมที่สะดวก ใกล้ทางด่วน และตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลทั้งปัจจุบันและเส้นทำงในอนาคต

• กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ บริษัทฯมีแนวความคิดในการออกแบบโครงการที่แตกต่างกันไปให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการนั้นๆ ทั้งนี้บริษัทฯ ยังนำเทคโนโลยีที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายเข้ามามีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น

• การส่งมอบสินค้าได้ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด

• การให้บริการและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า บริษัทฯมีการจัดตั้ง ฝ่ายชีวาแคร์ เพื่อให้บริการลูกค้าหลังการขาย โดยมีช่องทางในการแจ้งซ่อม ปรึกษางานซ่อม และติดตามงานซ่อม ให้กับลูกบ้านชีวาทัย เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการติดตามงาน นอกจากนี้ บริษัทจัดตั้งโครงการชีวาทัย โซไซตี้ ที่มอบสิทธิพิเศษให้สำหรับลูกค้าชีวาทัยเท่านั้น อาทิ ส่วนลดพิเศษจากร้านอาหาร สถาบันเสริมความงาม ร้านค้าชั้นนำ การจอง/เช่ารถ พร้อมทั้งมีสิทธิเข้าร่วมเปิดตัวโครงการใหม่ก่อนใคร

เร่งระบายสินค้าคงเหลือ… เปิดตัวโครงการใหม่ยืดหยุ่นตามภาวะตลาด

พร้อมกันนี้ผู้บริหารของ “CHEWA” ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยเข้าสู่สภาวะถดถอย ลูกค้าหรือผู้บริโภคระมัดระวังและวางแผนทางการเงินมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯได้รับผลกระทบไปทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรม จึงได้มุ่งเน้นการเร่งระบายสินค้าคงเหลือให้ได้มากที่สุด ผ่านแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ เช่น ล่าสุดได้ออกโปรโมชั่น “สาธุ ๙๙๙” โปรโมชั่นสำหรับ สำหรับเดือน 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2563 นอกจากจะ ฟรี!ของแถมแล้ว ยังให้ลูกค้าเลือกอยู่ฟรี 999 วัน (2.7ปี,33 เดือน) ด้วย เป็นต้น สอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทร 1260 หรือที่ www.chewathai.com

ตามแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมจากที่แถลงข่าวเมื่อช่วงต้นปี โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2563 ทั้งหมด 3 โครงการเป็นโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,266 ล้านบาท ได้แก่ โครงการที่ 1.คือโครงการ “ชีวาโฮม กรุงเทพ-ปทุม” มูลค่าโครงการ 903 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดตัวในช่วงไตรมาส1/2563 2.โครงการ “ชีวาโฮม รังสิต-ปทุม” มูลค่าโครงการ 1,093 ล้านบาท และโครงการที่ 3.คือโครงการ “ฮาร์ท สุขุมวิท 36” มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท โดย CHEWA มีการถือหุ้นในสัดส่วน70% ซึ่งอีก 2 โครงการที่เหลือเปิดตัวไตรมาส 3/2563

สำหรับโครงการใหม่ที่คาดว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ ในครึ่งปีหลังของปี 2563 รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 3,793 ล้านบาท ได้แก่ โครงการชีวาโฮม รังสิต-ปทุม มูลค่ารวม 1,093 ล้านบาท โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และโครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท โดยในปี 2563 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ณ 31 มี.ค.63 บริษัทฯมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2563 อยู่ที่ 1,504 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องถึงปี 2565

“หลังจากที่เราแถลงแผนการดำเนินธุรกิจกับสื่อมวลชนช่วงต้นปี ไม่นานก็มีการแพร่ระบาดโควิด -19 จนทำให้เกิดสถานการณ์ Lockdown ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการ work from home ทำให้กิจกรรมทางการตลาดของบริษัททุกอย่างหยุดชะงักถึง 2 เดือนด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันแม้สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายลง ส่งผลให้อัตราการขายบ้านเราเริ่มดีขึ้น แต่เราก็ต้องประเมินสถานการณ์ทั่วโลกด้วย วันนี้อย่างที่บอกว่าเรายังสรุปแผนได้ไม่ชัดหากเกิดการแพร่ระบาดรอบสองจะทำอย่างไร” ผู้บริหารของ “CHEWA” กล่าวพร้อมกับกล่าวย้ำในตอนท้ายว่า จากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2563 ล่าสุด (24 มิ.ย.) เหลือ -8.1% จากเดิม -5.3% ภายใต้สถานการณ์ของเศรษฐกิจที่เป็นอยู่แบบนี้เราต้องพยายามเคลียสินค้าคงเหลือให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท โดยการเร่งการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งเราต้องทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและรับมอบห้องชุดตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าตรวจ ก็เป็นสิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดคือ Zero Defect พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพและคุ้มค่ากับราคาที่ลูกค้าจ่ายอย่างแน่นอน” คุณบุญกล่าว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*