โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ – The Forestias

แมกโนเลียฯ (MQDC) ชู 2 ศูนย์วิจัยแห่งแรกของภาคอสังหาฯไทยได้แก่ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน RISC และศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ FutureTale Lab รับเทรนด์แห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด ‘For All Well-Being’ และเปิดพื้นที่ให้ประชาชน และทุกหน่วยงานได้นำไปพัฒนาต่อยอด เดินหน้า 24 โครงการ มูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท ขานรับเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ-นักลงทุนต่างชาติกลับมา พร้อมเปิดอาณาจักร เดอะ ฟอเรสเทียส์ (THE FORESTIAS)’ มูลค่า 125,000 ล้านบาท จุดพลุทำเลบางนาประตูสู่ทิศทางความเจริญใหม่ถนนบางนา กม.7   จับมือกับพันธมิตรระดับโลกหลายรายได้แก่ Six Senses  F&P (Thailand)  ITEC Entertainment Atelier Ten และ Baycrest

 

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า MQDC ให้ความสำคัญกับการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมความต้องการและการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย ทิศทางของการอยู่อาศัยในสภาวะต่างๆ ในระยะยาว ถือเป็น DNA ของทุกโครงการในเครือ MQDC ที่ต้องนำผลวิจัยมาต่อยอดสร้างโครงการ โดยมี “หัวใจ” หลักคือ ผู้อยู่อาศัยในโครงการและชุมชนเพื่อนบ้านในพื้นที่โดยรอบจะต้องมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามแนวทาง ‘For All Well-Being’ จึงได้จัดตั้ง 2 ศูนย์วิจัยเอกชนแห่งแรกของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยคือ

  • ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Research & Innovation for Sustainability Center -RISC) ซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับสุขภาวะที่ดีเพื่อตอบโจทย์ For All Well-Being ซึ่งมีผลงานวิจัยที่ผ่านมามากมาย อาทิ วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะ การร่วมพัฒนาวัสดุ Upcycling เพื่อใช้ในการก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน การพัฒนาเครื่องฟอกอากาศระดับเมือง เป็นต้น
  • และศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ (FutureTales Lab) ทำงานวิจัยเกี่ยวกับเทรนด์อนาคตเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต และนำมาเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงนำมาต่อยอดในการพัฒนาโครงการต่างๆ

นอกจากนี้ยังการันตีคุณภาพโครงการของเราทุกโครงการโดยการรับประกันการดูแลโครงการของเราเป็นเวลา 30 ปี ใน 4 เรื่องด้วยกันให้กับลูกค้า คือ งานโครงสร้าง งานระบบน้ำ-ไฟ การใช้งานของประตูหน้าต่าง และการรั่วซึมของหลังคา

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์

MQDC ยังเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อมาร่วมพัฒนาโครงการหลายราย ดังเช่น อาณาจักร ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์ (THE FORESTIAS)’ ที่มีแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านที่พักระยะสั้นและระยะยาวระดับโลกมาเป็นพันธมิตร อย่าง ซิกส์เซนส์ (Six Senses) ที่จะมีทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรม F&P (Thailand) เป็นที่ปรึกษาและร่วมออกแบบโครงการ  ITEC Entertainment มาออกแบบไลฟ์สไตล์ด้านสันทนาการและประสบการณ์เพื่อผู้อยู่อาศัย และ Atelier Ten มาร่วมวางแผนการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในด้านไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ และเพื่อให้สอดคล้องกับงานวิจัยของศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาที่ว่าเทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต รวมถึง Baycrest  ที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุจากประเทศแคนนาดา ทางเราก็ได้มีการเป็นพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี คือ Huawei ที่จะร่วมพัฒนา Smart city จาก Digital platform ของ Huawei โดยจะเริ่มจากโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ (THE FORESTIAS) ที่เป็นเมืองคู่ป่า

โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ – The Forestias ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.7 บนพื้นที่กว่า 398 ไร่  โครงการที่นำเสนอแนวคิดในรูปแบบ Enchanted Community District in The Forest ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Imagine Happiness” โดยโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการแรกของโลกที่ธรรมชาติ สัตว์ และมนุษย์ จะสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพและเอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อีกทั้งยังเอื้อให้คนทุกเจเนอเรชั่นสามารถอยู่และร่วมกันทำกิจกรรมอย่างมีความสุขแบบยั่งยืน โดยโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็นโครงการต้นแบบที่ผสานแนวคิด Happy Living Community for Intergeneration”  ผ่านการออกแบบที่ใส่ใจในทุกมิติ รวมถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหกว่า 30 ไร่ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ประกอบด้วย โครงการที่อยู่อาศัย พื้นที่ธุรกิจ โรงแรมบูธีคระดับ 6 ดาว คอมมิวนิตี้ & แฟมิลี่เซ็นเตอร์ โรงภาพยนตร์สไตล์วินเทจ ร้านค้า ร้านอาหาร อาคารสำนักงาน เนอร์สเซอรี่ ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาล และอาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สำหรับชุมชน พิพิธภัณฑ์และศูนย์เรียนรู้ ตลอดจนระบบนิเวศของผืนป่าขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์

รศ. ดร.สิงห์ อินทรชูโต

รศ. ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษา ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) กล่าวว่า การอยู่อาศัยภายใต้สุขภาวะที่ดี หรือ “Well-Being” นับวันจะอยู่ในความสนใจและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น  MQDC ล้วนมีสิ่งเหล่านี้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ภายใต้การดำเนินงานของ RISC เพื่อเป็นศูนย์นวัตกรรมชั้นนำด้านสุขภาวะและความยั่งยืน ดำเนินการศึกษาในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด จึงเป็นที่มาของ MQDC Standard ในการออกแบบเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและต่อสุขภาพของมนุษย์ในระยะยาว โดยหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุก่อสร้างบางชนิดอย่างเด็ดขาดเพื่อเป็นการอนุรักษ์ในระยะยาว และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบก่อสร้างตามหลัก Sustainovation รวมทั้งยังพร้อมส่งมอบองค์ความรู้ไปสู่สาธารณชน ดังนั้นงานในโครงการของ MQDC จึงมีนวัตกรรมที่รองรับเช่น การทำวิจัย ร่วมกับศาสตราจารย์ไมเคิล สตาร์โน (Michael S. Strano) ภาควิชาวิศวกรรมเคมี สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านนาโนไบโอนิคส์ (Nanobionics) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถใหม่ให้กับต้นไม้ เช่น การเรืองแสงในที่มืด การตรวจวัดมลพิษ ซึ่งจะนำมาใช้กับโครงการฟอเรสเทียส์และ โครงการต่าง ๆ ในอนาคต

ดร.การดี เลียวไพโรจน์

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ  บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (FutureTales Lab by MQDC)  กล่าวเสริมว่า หลังโควิดแล้ว ผลวิจัย ชี้ให้เห็นว่าการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ทำให้เกิดการนำไปสู่วิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจติดบ้าน (Everything At Home) ดังนั้น ทำเลใจกลางเมืองเพียงอย่างเดียวจึงไม่ใช่เรื่องหลัก แต่ชีวิตความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมกำลังเป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งสอดคล้องกับ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ที่นำผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก อาทิ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสหรัฐอเมริกา และสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ซึ่งบ่งชี้ว่า การที่มนุษย์ได้อยู่กับธรรมชาติทุกวันจะช่วยลดความเครียดได้ และส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยมีปริมาณพื้นที่สีเขียวต่อประชากร 1 คน น้อยกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่ได้ตั้งไว้

ด้วยเหตนี้ จึงนำผลการศึกษามาแก้ปัญหา ด้วยการสร้างความยั่งยืนของพื้นที่สีเขียว สร้างป่าธรรมชาติ ให้เกิดขึ้นจำนวนมากกว่า 30 ไร่และพื้นที่สีเขียวปกคลุมอีกมากกว่า 70% ในโครงการเป็นโครงการแรกของโลก มีความสมบูรณ์เป็นเมืองเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ภายใต้แนวคิด เมืองคู่ป่า  “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ประกอบด้วย คอนโดวิสซ์ดอม (Whizdom) สำหรับคนวัยทำงาน บ้านเดี่ยวกลุ่มแบบคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ มัลเบอร์รี่ โกรฟ (Mulberry Grove) และคอนโด ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree) ที่รองรับตลอดชีวิตของผู้สูงวัย

ปัจจุบันโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ MQDC อยู่ระหว่างการพัฒนาแบบ ขาย ก่อสร้าง และอยู่ในช่วงการโอน ทั้งหมด 24 โครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 300,000 ล้านบาท โดยมีโครงการระดับซูเปอร์ลักซูรีที่ร่วมทุน ได้แก่ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม, เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มีลูกค้าโอนไปแล้วเกือบ 100% และกว่า 60% ตามลำดับ มูลค่าโครงการรวม 2 โครงการกว่า 20,000 ล้านบาท และมียอดโอนรวมกันกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นความไว้วางใจจากผู้บริโภค รวมทั้งยังได้แมนดาริน โอเรียนเต็ล มาเป็นผู้ให้บริการแก่เจ้าของห้อง นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ของบริษัท อาทิ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว, , วิสซ์ดอม คอนเนค สุขุมวิท, วิสซ์ดอม เอสเซ้นส์ สุขุมวิท, และมีโครงการที่ยังเดินหน้าก่อสร้างพร้อมเปิดขายแล้วจำนวน  3 โครงการ ได้แก่ เดอะ ฟอเรสเทียส์, เดอะ สแตรนด์, มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท รวมทั้ง มีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มอีก 3-5 โครงการโดยทางบริษัทมองว่าวิกฤตโควิดเป็นโอกาสที่จะได้เสนอการอยู่อาศัยที่ดีในแบบ For All Well-Being เพื่อสุขภาพกายใจที่ดีตามวิถีชีวิตใหม่หลังโควิดได้ผ่านพ้นไป

 

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*