สิริ เวนเจอร์สฯเดินหน้าหนุนสตาร์ทอัพผลิตเทคโนโลยีเอื้อโครงการที่อยู่อาศัยแสนสิริ  ทั้งจัดแข่งขันโชว์ความสามารถพนักงาน ดันบิสซิเนสโมเดล ยกระดับเถ้าสู่แก่น้อยอนาคต ล่าสุดเปิดตัวเว็บไซต์ JUZMATCH แพลตฟอร์มการซื้ออสังหาฯรูปแบบใหม่เชื่อมต่อบุคคล 2 กลุ่มให้เกิดการขายซื้อขาย/เช่าซื้อ ให้เป็นเรื่องง่าย นำร่องคอนโดฯในกลุ่มแสนสิริทั้งหมด ระบุอัดเม็ดเงินแค่เกือบ 500 ล้านบาท กับ 10 สตาร์ทอัพ
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน)หรือ SIRI เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯภายหลังจากที่ประกาศเปิดตัวดำเนินธุรกิจเพื่อทำการวิจัยและลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯและการอยู่อาศัยอย่างครบวงจรเต็มรูปแบบเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล ภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  ครอบคลุมทั้งส่วนงานการพัฒนาเทคโนโลยี การลงทุนร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งการร่วมทุนกับสตาร์ทอัพชั้นนำทั้งในประเทศและระดับโลก  โดยแบ่งการลงทุนเป็น 3 ด้านหลัก

1.ด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพ  จะเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับแกนธุรกิจหลักของแสนสิริ ด้วยงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี

2.ด้านความร่วมมือในการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ (Ecosystem Partner) โดยการจับมือกับพันธมิตรจากหน่วยงานต่างๆ  เพื่อให้เข้าถึงสตาร์ทอัพจำนวนมากในคราวเดียวกัน และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ผนึกกำลังยกระดับระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ทีม คือ

       -ทีม PropTech และ LivingTech

       -ทีม The Founder เป็นการยกระดับพนักงานของแสนสิริ ซึ่งจะมีการจัดการแข่งขันทุกปี ซึ่งปีที่ผ่านมามีทั้งหมด 3 ทีม ซึ่งล้วนเป็นทีมที่มีความสามารถ และแต่ละทีมจะต้องช่วยกันผลักดันบิสซิเนสโมเดลให้ดี โดยทางบริษัทฯจะมีงบประมาณให้ 3 ล้านบาท/ทีม และต้องมีค่าใช้จ่ายตามจริง ซึ่งจะมีคณะกรรมาการตรวจสอบทุกขั้นตอน  ซึ่งหลังจบ Stage Bounce ที่มีระยะเวลาประมาณ 12 เดือน พนักงานเหล่านี้สามารถออกไปเป็นเจ้าของกิจการและสตาร์ทอัพ หรือยกระดับขึ้นไปเป็นบิสซิเนสใหม่ๆของแสนสิริ ได้

       – Sansiri Home Service application ซึ่งเป็นการทำแอปพลิเคชั่นเชื่อมระหว่างแสนสิริและลูกบ้าน

3.ด้านการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม (Lab & Development) มุ่งพัฒนาสร้างสรรค์ “Sansiri Home Service Application” เพื่อเปิดประตูสู่มิติใหม่ของการใช้ชีวิตของลูกบ้านแสนสิริ รวมถึงเชื่อมโยงกลุ่มลูกค้าผ่านเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในไทยและทั่วโลก ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการดังกล่าวเกือบ 50,000 คน จาก 120,000 คน

นายจิรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของ ทีม The Founder ว่า แบ่งเป็น 3 ทีมที่ผ่านการ Fishing ได้แก่

1.JUZMATCH เป็นแพลตฟอร์มการซื้ออสังหาฯรูปแบบใหม่

2.Z The GARDEN การทำสวนแบบใหม่ที่ครบวงจร เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมระหว่างผู้ที่ทำสวน กับผู้ที่ต้องการดีไซน์สวน ผู้ที่มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสวน ได้มาซื้อขายกัน

3.HOME STATION ที่ดำเนินเรื่องตกแต่ง ต่อเติมบ้าน ที่มีเครือข่ายจากหลายธุรกิจจากภายนอกให้สามารถเชื่อมโยงติดต่อธุรกิจกันได้

โดยทั้ง 3 ทีมนี้จะดำเนินงานไปพร้อมๆกัน แต่ที่เริ่มเห็นอย่างชัดเจนมากที่สุดในขณะนี้คือ JUZMATCH ที่เริ่มดำเนินการผ่านเว็บไซต์มาตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้การซื้อขายอสังหาฯเป็นเรื่องง่าย ด้วยการเป็นตัวกลางในการเชื่อมบุคคล 2 กลุ่มเข้าด้วยกัน ได้แก่

1.ผู้ซื้อ คือผู้ที่กำลังมองหาอสังหาฯเพื่อที่อยู่อาศัย แต่กำลังซื้ออาจจะไม่มากพอ หรือยังไม่พร้อมที่จะกู้สถาบันการเงิน

2.กลุ่มนักลงทุน คือกลุ่มที่มองหาผลตอบแทนจากอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออสังหาใหม่ หรือถือครองอยู่แล้ว

“เมื่อทั้ง 2 กลุ่มได้เจอกันบนแพลตฟอร์ม นั่นหมายความว่า ได้เกิดการเช่าและซื้อไปพร้อมๆกัน ทำให้ซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น โดยที่ยังไม่ต้องกู้สถาบันการเงิน และนักลงทุนยังสามารถปล่อยเช่า-ขายต่อไปพร้อมๆกันได้ ซึ่งทางเราจะจัดหาผู้เช่าซื้อที่เป็นผู้เช่าระยะยาว ที่มีโอกาสจะซื้อในอนาคตให้ด้วย ทำให้นักลงทุนไม่ยุ่งยากกับการหาผู้เช่า และยุ่งยากกับการขายต่อในอนาคต ซึ่งในระยะแรกจะเริ่มจากคอนโดมิเนียมในเครือของแสนสิริทั้งหมดก่อน”

นายจิรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาได้ร่วมทุนกับสตาร์ทอัพแล้วประมาณ 10 ราย ใช้งบประมาณไปเกือบ 500 ล้านบาทเท่านั้น โดยแบ่งเป็นสตาร์ทอัพในประเทศไทย 3 ราย ,สหรัฐฯ 2 ราย ,สิงคโปร์ 2 ราย อิสราเอล 1 ราย และกองทุนจากจีน-สหรัฐฯ ประเทศละ 1 ราย

“แม้ว่าในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา สตาร์ทอัพทุกคนจะเหนื่อย แต่ทุกคนก็สู้ และไม่มีใครจากไปเพราะโควิด-19 บางรายก็เปลี่ยนการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี เช่น หุ่นยนต์แสนดี ที่ในช่วงโควิด-19 ลูกค้าใช้บริการน้อยลง สตาร์ทอัพก็นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค สำหรับใช้ในโรงพยาบาล และโรงภาพยนตร์ มาทดแทน โดยบริษัทฯยังให้การสนับสนุนสตาร์อัพเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง”

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*