โจนส์ แลง ลาซาลล์ฯเผยภาพรวมตลาดโรงแรมประเทศไทย มีโอกาสฟื้นตัว หลังภาครัฐปลดล็อก ระบุยังมีผู้ประกอบการบางรายยังขาดสภาพคล่องการเงิน นักลงทุนจ้องซื้อกิจการ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกองทุนไพรเวท อิควิตี้ แนะ 5 กลยุทธ์รองรับการฟื้นตัว ดึงความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวคืนตลาด
นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธย
นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุน หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ JLL เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดโรงแรมในประเทศไทยว่า มีแนวโน้มที่จะเริ่มเข้าสู่ระยะฟื้นตัว หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการผ่อนคลายการควบคุมการเดินทาง-ท่องเที่ยวระหว่างจังหวัด คาดว่า ตลาดโรงแรมของกรุงเทพฯ และภูเก็ตจะผ่านจุดต่ำสุดในเร็วๆ นี้ ในแง่ของอัตราการเข้าใช้บริการห้องพัก ตามการท่องเที่ยวภายในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น การเริ่มกลับมาเปิดเที่ยวบินภายในประเทศ และความเป็นไปได้ที่จะเริ่มมีการเปิดพรมแดนกับบางประเทศในอีกไม่นาน

“ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมของไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงนับตั้งแต่พบผู้ป่วยจากไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 รายแรก เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 และมาตรการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นตามมาซึ่งนำไปสู่การควบคุมการเดินทางทั้งในและระหว่างประเทศ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมและค่าบริการห้องพักปรับตัวดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงสี่เดือนแรกของปี” นายจักรกริช กล่าว

อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ มีความเป็นไปได้ที่ภาคธุรกิจโรงแรมของทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตจะเริ่มค่อยๆ ฟื้นตัว เนื่องจากเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เป็นที่ยอมรับในระดับโลก เห็นได้จากการที่กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับโดยมาสเตอร์การ์ดให้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกติดต่อกัน 4 ปีซ้อนระหว่างปี 2559 – 2562 ในขณะที่ภูเก็ตได้รับการจัดอันดับจากทริปแอดไวเซอร์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองของเอเชียในปี 2562 นอกจากนี้ ยังหนุนด้วยความพยายามในการยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาดและสุขอนามัย ตามแคมเปญ Amazing Thailand Safety and Health Administration ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยริเริ่มขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดโรงแรมชั้นแนวหน้าทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ผู้ประกอบการและนักลงทุนกำลังเฝ้าติดตามการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของสถานการณ์โรคระบาดภายในประเทศ คาดว่า กรุงเทพฯ จะเป็นหนึ่งในตลาดโรงแรมของเอเชียที่ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด เนื่องจากมีการพึ่งพาแหล่งรายได้ที่ค่อนข้างมีสมดุลจากผู้ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและการท่องเที่ยว ส่วนภูเก็ต การฟื้นตัวมีแนวโน้มที่จะใช้เวลานานกว่า เนื่องจากพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก” นายจักรกริช กล่าว

นายจักรกริช กล่าวเพิ่มเติมว่า ความช่วยเหลือจากทั้งภาครัฐฯ และสถาบันการเงิน ช่วยผ่อนคลายผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ได้ในระดับหนึ่งในภาวะที่ผู้ประกอบการโรงแรมประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องและการแบกรับต้นทุนการดำเนินธุรกิจ คาดว่า กรุงเทพฯ จะมีโรงแรมที่เจ้าของประสบปัญหาจนต้องนำออกเสนอขายจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับหัวเมืองอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมีความมั่นคงทางการเงิน ในขณะเดียวกัน มีนักลงทุนที่กำลังสนใจมองหาโอกาสการซื้อโรงแรม โดยเฉพาะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และกองทุนไพรเวท อิควิตี้ ซึ่งรับความเสี่ยงได้มากกว่า ในขณะที่ตลาดการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

ทั้งนี้ผู้ประกอบการและนักลงทุนในตลาดโรงแรมของไทย ควรพิจารณาปัจจัยหลายประการ เพื่อให้สามารถกำหนดกลยุทธ์รองรับการฟื้นตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้

-ประเมินสถานการณ์โรงแรมของตนเองเทียบกับกลุ่มโรงแรมในตลาดเดียวกันและสัดส่วนของแหล่งรายได้ในภาวะที่ตลาดมีอุปทานปริมาณมาก ทั้งที่มีอยู่เดิมและที่กำลังจะสร้างเสร็จ

-คำนวณอัตราการเข้าพักที่ทำให้ธุรกิจถึงจุดคุ้มทุน และปัจจัยที่จะส่งผลให้มีความต้องการเพิ่มขึ้น ได้แก่ แผน Travel Bubble ที่รัฐบาลกำลังพิจารณา

-ทำงานกับผู้บริหารโรงแรมและตัวแทนจำหน่ายห้องพักเพื่อวางแผนการที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย พร้อมกับติดตามการเปิดพรมแดนอย่างใกล้ชิดเพื่อรอรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

-อาศัยประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศในการกลับมาเริ่มเปิดบริการและสร้างฐานลูกค้านักท่องเที่ยวชาวไทย อาทิ การเสนอแพ็คเก็จ “สเตเคชั่น” เพื่อรองรับความต้องการในการท่องเที่ยวของชาวไทยที่ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วงล็อคดาวน์

-เตรียมความพร้อมในการเปิดรับลูกค้าหลังวิกฤติการณ์โควิด-19 สิ้นสุด ทั้งในเรื่องของการดำเนินตามกฎระเบียบ และจัดเตรียมมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัย

นางปิตินุช ภู่พัฒน์วิบูลย์ รอบบินส์

ด้านนางปิตินุช ภู่พัฒน์วิบูลย์ รอบบินส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายที่ปรึกษา หน่วยธุรกิจบริการที่ปรึกษาด้านโรงแรม JLL  กล่าวว่า ภาคธุรกิจโรงแรมของไทยมีศักยภาพที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าในหลายประเทศทั่วโลกหลังวิกฤติโรคระบาดคลี่คลาย จากการที่หัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ของไทย มีชื่อเสียงในเรื่องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้นักท่องเที่ยว ทั้งนี้ แม้ตลาดโรงแรมในแต่ละทำเลอาจต้องอาศัยกลยุทธ์รองรับการฟื้นตัวของธุรกิจที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมเชื่อว่าการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาจะไม่ใช่เรื่องยากเนื่องจากความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยมีอยู่สูงเป็นทุนเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการโรงแรมและนักลงทุนด้วย

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*