กรุงเทพธนาคมฯประกาศเชิญชวนผู้ให้บริการโทรคมนาคมและผู้สนใจยื่นความจำนงเช่าท่อร้อยสายสื่อสาร (ไมโครดัก) และดาร์คไฟเบอร์ ในพื้นที่นำร่อง 4 พื้นที่ โดยยื่นความจำนงเช่าท่อ ในช่วงแรก ได้ถึงวันที่ 20 ก.ค. 63 เปิดให้ใช้ฟรี 3 เดือน​ พร้อมใช้งานได้จริง​ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย อายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต
นายมานิต  เตชอภิโชค
 นายมานิต  เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้รับมอบหมายจากกรุงเทพมหานครให้ดำเนินโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินโดยใช้เทคโนโลยีไมโครดักที่มีครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร โดยขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่นำร่อง  4 เส้นทาง ประกอบด้วย

1.ถนนวิทยุ (จากถนนเพชรบุรี  ถึง แยกเพลินจิต)  ระยะทาง 1.337 กิโลเมตร,

2.ถนนรัชดาภิเษก (จากหน้า MRT ศูนย์วัฒนธรรมฯ ประตู 3 ถึงซอยรัชดาภิเษก 7) ระยะทาง 2.060 กิโลเมตร

3.ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (จากถนนสาทรใต้ -ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 10)  ระยะทาง 1.670 กิโลเมตร

4.เส้นทางถนนวิทยุ (จากแยกเพลินจิต-แยกสารสิน) ระยะทาง 2.185 กิโลเมตร  รวมระยะทาง 7.252 กิโลเมตร

โดยรูปแบบการให้บริการ จะมี 2 รูปแบบ คือ

1.รูปแบบไมโครดัก รองรับได้สูงสุด ประมาณ 21 ไมโครดัก อัตราค่าเช่า 7,100 บาท/ไมโครดัก/กิโลเมตร/เดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

2.รูปแบบ Dark Fiber ในอัตราค่าเช่า 500บาท/คอร์/กิโลเมตร/เดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้มีนโยบายให้บริษัทกรุงเทพธนาคม  เปิดให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคม (โอเปอเรเตอร์) ทดลองใช้ท่อร้อยสายสื่อสารทั้ง 2 รูปแบบโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถใช้บริการได้จริงและมีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี คุณภาพดีกว่าท่อ PVC และท่อชนิดอื่นซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าและใช้งานมานาน และไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการทั้งในปัจจุบันและในอนาคต


โดยที่ผ่านมาทางกรุงเทพมหานคร ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อหาแนวทางการอุดหนุนราคาค่าเช่าท่อเพื่อลดภาระของผู้ใช้บริการ​อันเกิดจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ซึ่ง เลขาธิการ กสทช. ได้รับเรื่องไปพิจารณาและจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ      ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อมีมติ ในการช่วยเหลือโอเปอเรเตอร์ในการลดภาระดังกล่าวโดยหักเงินจากกองทุนวิจัยพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือยูโซ่ ( USO) ซึ่งต้องรอผลการประชุมดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อยุติในการลดค่าใช้จ่ายของทางโอเปอเรเตอร์

นายมานิต กล่าวต่อไปว่า  จากการประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ณ สำนักงาน กสทช.โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วยเลขาธิการ กสทช.  กรุงเทพมหานคร โดย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้แทนบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ร่วมประชุม ซึ่งในการประชุมหารือ กรุงเทพมหานคร ยืนยันว่าจะดำเนินการก่อสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินทั่วกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 2,450 กม. พร้อมเชื่อมโยงโครงข่ายการให้บริการเข้าสู่ตรอก ซอยต่างๆของกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศ, ภารกิจของกรุงเทพมหานคร และให้บริการงานด้านโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการ เพื่อรองรับการให้บริการไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง ตามที่กรุงเทพมหานคร ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานกสทช. เพื่อหาแนวทางการลดภาระของผู้ใช้บริการอันเกิดจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการนำสายสื่อสารลงใต้ดินแล้ว

ในส่วนของ ทีโอที ที่อ้างว่ามีท่อที่พร้อมใช้งานได้ ในเรื่องนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส ได้ให้ ทีโอทีนำสายสื่อสารของทีโอทีที่ยังพาดอยู่บนเสาไฟฟ้านำลงท่อของทีโอทีโดยไม่เปิดผิวทางเท้าและผิวการจราจร ซึ่งจะกระทบต่อการสัญจรของประชาชน

ทั้งนี้จึงขอเชิญชวนผู้ให้บริการโทรคมนาคมมาร่วมมือกันนำสายสื่อสารที่รกรุงรังบนเสาไฟฟ้าลงใต้ดินเพื่อความสะอาด ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*