โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ฯประกาศงัดแลนด์แบงก์เก่าและซื้อจากไทยสมุทรฯต่อยอดธุรกิจหัวเมืองท่องเที่ยว-กทม. ผุดคอนโดฯ-แนวราบ มั่นใจดีมานด์ยังมีการเติบโตยังต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมเปิดตัว“โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ – ขอนแก่น”มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท คาดภายใน 3 เดือน ฟันยอดขาย 50%  ปลายปีจ่อรุก“โอเชี่ยน วิลเลจ”อีก 1 โครงการ รองรับตลาดฟื้นตัว
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางและโอกาสการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ว่า ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย หรือเรียลดีมานด์ ซึ่งในบางพื้นที่พบว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจให้เห็น แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ๆ ในแต่ละภูมิภาค บริษัทยังคงยึดกลยุทธ์การรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์หัวเมืองในภูมิภาคเป็นหลัก และมองว่าปัจจุบันแม้ช่วงโควิด-19 ในภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาค ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้ไม่หวือหวา แต่มียอดขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่างจากตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีการชะลอตัวอย่างมากโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ขณะที่ตลาดบ้านแนวราบมีการแข่งขันสูง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มกระจายการลงทุนออกไปยังภูมิภาคต่างๆ

ในส่วนของโอเชี่ยนฯเอง ก็เล็งพัฒนาโครงการในหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อาทิ พัทยา ภูเก็ต และขอนแก่น  รวมไปถึงการเล็งนำที่ดินสะสมของบริษัทฯในพื้นที่กทม.ที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีก 2 แปลง เพื่อนำมาพัฒนาเป็นคอนโดฯไฮไรส์ในอนาคตด้วย ซึ่งทั้ง 2 แปลงดังกล่าว เป็นที่ดินที่อยู่ย่านพระราม 3 จำนวน 1 แปลง ติดกับโครงการเทอมินัล 21 และโรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซต์ โดยแบ่งเป็นที่ดินของโอเชี่ยนฯ 5 ไร่ และที่ดินของบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด(มหาชน)และอีกแปลงอยู่ย่านราฎร์บูรณะ ตรงข้ามโครงการเทอมินอล21 พื้นที่ 19 ไร่ คาดว่าคงจะนำมาพัฒนาได้ในอีกประมาณ 3-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากซัพพลายคอนโดฯย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยังมีอีกอยู่มากพอสมควร แต่มองว่าดีมานด์คนไทย-ต่างชาติยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับจังหวัดขอนแก่น พบว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้ว่าในช่วงที่โควิด-19 ระบาดนั้น บริษัทฯจะได้รับผลกระทบในด้านกำลังซื้อ แต่ด้วยขอนแก่นเป็นเมืองที่มีเรียลดีมานด์มาก เพราะเป็นเมืองที่ไม่ผูกกับการท่องเที่ยวมาก ผลกระทบจึงถือว่าไม่สูงมาก ขณะที่ตลาดปล่อยเช่าก็มีสูง โดยห้องสตูดิโอ ขนาด 22-30 ตารางเมตร(ตร.ม.) สามารถปล่อยเช่าได้ประมาณ 7,000 บาท/เดือน ,ขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 31-35 ตาราเมตร ปล่อยเช่าได้ประมาณ 11,000 บาท/เดือน อัตราผลตอบแทนประมาณ 7% ต่อปี

โดยความน่าสนใจของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดขอนแก่นนั้น เกิดจากปัจจัยสนับสนุนหลายด้านด้วยกัน ได้แก่ ศักยภาพของการเป็นศูนย์กลางเมืองเศรษฐกิจอีสาน ทั้งการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ เมดิคัลฮับ (Medical Hub) ของภาคอีสาน และการเป็นศูนย์กลางการศึกษาในอาเซียน จึงทำให้เป็นเมืองน่าอยู่ แม้ว่าปัจจุบันอาจได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ในระยะกลางและระยะยาว ขอนแก่น ยังเป็นพื้นที่เติบโตได้อีกมากในอนาคต

ทั้งนี้ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่า ภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยจังหวัดขอนแก่น ณ ครึ่งหลังปี 2562 มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายอยู่จำนวน 11 โครงการ รวม 2,140 หน่วย และเหลือขายอยู่จำนวน 615 หน่วย โดยทำเลที่ขายดี 5 อันดับแรก ได้แก่ ทำเลมหาวิทยาลัยขอนแก่น รองลงมาคือทำเลตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น ตามด้วยทำเลบึงแก่นนคร ทำเลบึงหนองโคตร และทำเลกสิกร-ทุ่งสร้าง ตามลำดับ โดยระดับราคาขายดีคือ 1 – 1.5 ล้านบาท และรองลงมาอยู่ที่ 1.5 – 2.5 ล้านบาท   ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 54,000-60,000 บาท/ตารางเมตรด้านราคาที่ดินก็ปรับตัวสูงขึ้น โดยที่ดินในพื้นที่ในกลางเมืองปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 60,000-70,000 บาท/ตารางวา  เชื่อว่าหลังจากที่ทั้งรถไฟรางคู่ จิระ-ขอนแก่น และระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) เริ่มมีการก่อสร้าง เชื่อว่าราคาที่ดินก็จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน อย่างน้อย 20-30%  โดย 2 ปีที่ผ่านมาราคาปรับขึ้นมาประมาณ 10%

นายณพงศ์ กล่าวต่อว่า จากเรียลดีมานด์ที่ยังคงมีอยู่ บริษัทจึงได้ต่อยอดจากโครงการ “OCEAN RESIDENCE”ที่ปิดการขายไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้ทยอยโอนไปแล้วกว่า 90%  ล่าสุดได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ – ขอนแก่น” (Ocean Grand Residence Mittraphap – Khon Kaen) ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ ย่านใจกลางเมือง บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น 1 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 22.50 – 35.00 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นเพียง 1.19 ล้านบาท จำนวน 236 ยูนิต และ รีเทลสเปซ 1 ยูนิต มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท โดยกำหนดเปิดพรีเซล(Pre-Sale Days) ในวันที่ 20-21 มิถุนายน 2563 นี้ คาดว่าภายในระยะเวลา 3 เดือน จะทำยอดขายได้ประมาณ 50% หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1.5 ปี

“นอกจากนี้ โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ฯได้มีการรุกทำการตลาดและบริการออนไลน์ผ่าน 4 ช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และไลน์ รวมถึงบริการคอลเซ็นเตอร์ พร้อมรอให้บริการในด้านการจองยูนิต สอบถามข้อมูลโครงการและการจัดโปรโมชั่น อีกทั้งลูกค้ายังสามารถชมห้องตัวอย่างผ่านทางแชท และวิดีโอคอล เสมือนทุกท่านได้มาเยี่ยมชมโครงการ และชมห้องตัวอย่าง รวมถึงพื้นที่ต่างๆ ภายในโครงการได้อย่างทั่วถึงด้วยตนเอง และยังจะสามารถรับข้อมูลอย่างครบถ้วน สอบถามรายละเอียดโครงการได้จากทางพนักงานฝ่ายขายได้โดยตรง นอกจากนี้ ลูกค้าทุกท่านยังสามารถติดต่อกับทีมงานเพื่อขอคำปรึกษาหลังการขายได้อีกด้วย” นายณพงศ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามในปลายปี 2563 จะพัฒนาที่จังหวัดภูเก็ต อีก 1 โครงการ  ภายใต้แบรนด์ “โอเชี่ยน วิลเลจ ภูเก็ต” บริเวณถนนรัษฎานุสรณ์ บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ราคา 5-6 ล้านบาท และบ้านแฝด ราคาประมาณ 4-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าโครงการ “โอเชี่ยน ทาวน์ เมือง-รัษฎา ภูเก็ต”  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 20 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟสๆละ 50 ยูนิตๆละ 18-20 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 2.6-3.5 ล้านบาท  ขณะนี้เปิดขายในเฟสที่ 3 มียอดขายแล้วเกือบ 50% จากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการปิดเมืองภูเก็ต ทำให้สำนักงานขายต้องปิดให้บริการชั่วคราวด้วย คาดว่าเมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ ยอดขายก็จะกลับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ด้านการพัฒนาโครงการที่พัทยานั้น บริษัทฯยังมีที่ดินสะสมอยู่อีกประมาณ 100 ไร่ ในปี 2564 มีแผนที่จะนำมาพัฒนาเป็นคอนโดฯไฮไรส์ สูงเกือบ 40 ชั้น ขนาด 50-200 ตารางวา มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท  แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

“หลังจากที่รัฐบาลปลดล็อก การเว้นระยะห่างทางสังคม เฟส3 ปรากฏว่ามีกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์กลับมาซื้ออาคารชุดในโครงการ “พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” ถึง 10 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวมปะมาณ 100 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นลูกค้าคนไทยทั้งหมด จากช่วงระยะเวลาปกติสามารถทำยอดขายได้ 1-2 ยูนิต/เดือน เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าลูกค้าต้องการผ่อนคลายจากความเครียด จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้เรามั่นใจที่จะพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง” นายณพงศ์ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*