ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์หรือ REIC รายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดมหาสารคาม โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วย(ยูนิต)เหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 ยูนิต จากการสำรวจพบว่าในพื้นที่ 5 จังหวัด มีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวนรวมประมาณ 14,853 ยูนิต คิดเป็น 4.2 % ของ 26 จังหวัดที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้สำรวจในช่วงครึ่งหลังปี 2562 โดยแบ่งเป็นจังหวัดนครราชสีมาจำนวน 6,876 ยูนิต จังหวัดขอนแก่นจำนวน 4,031 ยูนิต จังหวัดอุดรธานีจำนวน 1,727 ยูนิต จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 1,464 ยูนิต และจังหวัดมหาสารคามจำนวน 755 ยูนิต โดยสรุปภาพโดยรวมทั้งตลาดที่อยู่อาศัยภาคอีสานเข้าสู่ภาวะปรับสมดุลระหว่างอุปสงค์ – อุปทาน ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC)กล่าวว่าพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามามีบทบาทความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และช่วงปีที่ผ่านภาพรวมของตลาดยังคงเป็นของที่อยู่อาศัยแนวราบ

จังหวัดนครราชสีมาภาพรวมทรงตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม

จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  โดยพบว่า ณ สิ้นปี 2562 มีจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างเสนอขายจำนวนทั้งสิ้น 129 โครงการ จำนวน 6,876 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 24,805 ล้านบาท ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกติดลบ 0.9 % โดยมีโครงการที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังเพียง 1,291 ยูนิต แบ่งเป็นอาคารชุด 104 ยูนิต และบ้านจัดสรร 1,187 ยูนิต

เมื่อพิจารณาจากหน่วยขายได้ใหม่จากการสำรวจพบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2562 มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 608 ยูนิต ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกติดลบ 52.7 % และมีหน่วยเหลือขายจำนวน 6,268 ยูนิต เพิ่มขึ้น 10.9 % มูลค่ารวม 22,907 ล้านบาท โดยมีหน่วยเหลือขายประเภทโครงการอาคารชุดจำนวน 1,552 ยูนิต บ้านจัดสรรจำนวน 4,716 ยูนิต โดยแบ่งเป็นประเภทบ้านเดียวจำนวน 3,415 ยูนิต ทาวน์เฮ้าส์จำนวน 631 ยูนิต บ้านแฝดจำนวน 415 ยูนิต และอาคารพาณิชย์จำนวน 255 ยูนิต

โดยทำเลทีขายดี 5 อันดับแรกพิจารณาจากหน่วยที่ขายได้ใหม่ได้แก่ 1.ทำเลในเมืองนครราชสีมาจำนวน 268 ยูนิต 2.ทำเลจอหอ จำนวน 148 ยูนิต 3.ทำเลหัวทะเล จำนวน 69 ยูนิต 4.ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด จำนวน 45 ยูนิต และ 5.ทำเลเขาใหญ่ จำนวน 39 ยูนิต แต่ทั้งนี้ในส่วนของทำเลขายดีมีเพียงทำเลเดียวที่อัตราดูดซับสูงกว่า 2 % คือทำเลในเมืองซึ่งมีอัตราดูดซับ 2.3  %

ด้านทำเลที่มีที่อยู่อาศัยเหลือขายมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทำเลในเมืองนครราชสีมา จำนวน 1,673 ยูนิต 2.ทำเลจอหอ จำนวน 1,391 ยูนิต 3.ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด จำนวน 1,207 ยูนิต 4.ทำเลหัวทะเล จำนวน 825 ยูนิต และ 5.ทำเลเขาใหญ่ จำนวน 460 ยูนิต ซึ่งทำเลที่เหลือขายก็ยังคงเกาะกลุ่มเดียวกับทำเลขายดี เนื่องจากมีจำนวนหน่วยเสนอขายมากกว่าทำเลอื่นๆ

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์

ในพื้นที่สำรวจพบว่ามีจำนวนหน่วยสร้างเสร็จเหลือขาย(พร้อมโอน) หรือเป็น Inventory จำนวน 1,442 ยูนิต มูลค่า 5,552 ล้านบาท ซึ่ง 5 อันดับแรกที่มีหน่วยสร้างเสร็จเหลือขายมากที่สุดได้แก่

1.ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด จำนวน 494 ยูนิต

2.ทำเลในเมืองนครราชสีมา จำนวน 337 ยูนิต

3.ทำเลเขาใหญ่ จำนวน 234 ยูนิต

4.ทำเลจอหอ จำนวน 189 ยูนิต

5.ทำเลสุรนารี-ปักธงชัย จำนวน 81 ยูนิต

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้ประมาณการว่าในปี 2563 จะมีการเปิดขายโครงการใหม่ประมาณ 1,100 ยูนิต โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรร และคาดการณ์ว่าจะมีที่อยู่อาศัยเหลือขายอยู่ในตลาดจำนวน 6,755 ยูนิต ประกอบด้วย

  • อาคารชุดจำนวน 1,702 ยูนิต
  • ทาวน์เฮ้าส์จำนวน 687 ยูนิต
  • บ้านเดี่ยวจำนวน 3,690 ยูนิต
  • บ้านแฝดจำนวน 427 ยูนิต
  • และอาคารพาณิชย์จำนวน 249 ยูนิต

เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับอัตราดูดซับครึ่งหลังของปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 1.5 % ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคาดการณ์ว่าในปี 2563 อัตราดูดซับจะลงต่ำลงกว่าปี 2562 โดยอัตราดูดซับสูงสุดประมาณ 1.1 % และคาดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยก็จะลดลงมาอยู่ที่ 5,942 ยูนิต มูลค่าประมาณ 11,293 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลงติดลบ7.5 % แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 2.2 % สูงกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งมีมูลค่า 10,152 ล้านบาท

จังหวัดขอนแก่นเข้าสู่ภาวะชะลอตัว

จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกจังหวัดหนึ่ง และมีทิศทางการพัฒนาเมืองที่ชัดเขนพื้นที่หนึ่ง โดยภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยจังหวัดขอนแก่น ณ ครึ่งหลังปี 2562 อุปทานภาพรวมมีที่อยู่อาศัยเสนอขายจำนวน 79 โครงการ รวม 4,031 ยูนิต ในจำนวนดังกล่าวมีโครงการที่ขายได้ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจำนวน 435 ยูนิต มูลค่า 1,268 ล้านบาท ลดลงจากครึ่งแรกของปี 2562 ติดลบ 41.1  % แต่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 10.4 % มีหน่วยเหลือขายจำนวน 3,596 ยูนิต มูลค่า 11,574 ล้านบาท และมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขาย จำนวน 804 ยูนิต มูลค่า 2,737 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 499 ยูนิต มูลค่า 1,802 ล้านบาท โครงการอาคารชุด จำนวน 305 ยูนิต มูลค่า 935 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทำเลซึ่งมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทำเลบึงแก่นนคร จำนวน 255 ยูนิต 2.ทำเล ม.ขอนแก่น จำนวน 210 ยูนิต และ 3.ทำเลบึงหนองโครต จำนวน 92 ยูนิต

อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากภาพรวมพบว่าอัตราดูดซับลดต่ำลงจากครึ่งแรกของปี 2562 มาอยู่ที่ 1.8  %  ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปี ซึ่งลดลงจากช่วงครึ่งแรกของปี 2562 โดยมีอัตราดูดซับ 3.1 % ในปี 2563 คาดการณ์ว่าอัตราดูดซับจะลดต่ำลงต่อเนื่องมาอยู่ในอัตราร้อยละไม่เกิน 1.0 %  ส่วนโครงการเปิดขายใหม่คาดว่าจะไม่เกิน 600 ยูนิต แต่ด้วยจำนวนอุปทานสะสมรอการขายจะส่งผลให้ตลาดโดยรวมชะลอตัว

จังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดมหาสารคาม เข้าสู่สภาวะทรงตัว

สำหรับภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยจังหวัดอุดรธานี จากการสำรวจพบว่าในครึ่งหลังปี 2562 อุปทานภาพรวมมีที่อยู่อาศัยเสนอขายจำนวน 44 โครงการ รวม 1,727 ยูนิต มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 177 ยูนิต และมีหน่วยเหลือขาย 1,550 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 6,092 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 1,410 ยูนิตมีมูลค่า 5,792 ล้านบาท โครงการอาคารชุด มีจำนวน 140 ยูนิต มีมูลค่า 300 ล้านบาท

โดยทำเลขายดี 3 อันดับ ได้แก่ 1.ทำเลทางออกหนองบัวลำภู จำนวน 67 ยูนิต 2.ทำเลทางออกหนองคาย จำนวน 36 ยูนิต และ 3.ทำเลในเมืองอุดรธานี จำนวน 29 ยูนิต ส่วนทำเลที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทำเลในเมืองอุดรธานี จำนวน 187 ยูนิต  2.ทำเลบ้านเลื่อม จำนวน 74 ยูนิต และ 3.ทำเลทางออกหนองบัวลำภู จำนวน 41 ยูนิต

อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากภาพรวมของตลาดพบว่าอัตราดูดซับลดลงมาอยู่ในระดับ 1.7 %  ซึ่งลดลงจากช่วงครึ่งแรกของปี 2562 โดยอัตราดูดซับในระดับ 3.0  % ส่วนในปี 2563 คาดการณ์ว่าอัตราดูดซับโดยภาพรวมที่อยู่อาศัยจะทรงตัวโดยมีที่อยู่อาศัยประเภทอาคารพาณิชย์เท่านั่นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี คืออยู่ที่ 2.3 %ในขณะที่หน่วยเหลือขายทุกประเภทจะมีจำนวนประมาณ 1,587 ยูนิต

ภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยจังหวัดอุบลราชธานี จากการสำรวจพบว่าในครึ่งหลังปี 2562 อุปทานภาพรวมมีที่อยู่อาศัยเสนอขายจำนวน 42 โครงการ รวม 1,464 ยูนิต มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 201 ยูนิต และมีหน่วยเหลือขาย 1,263 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 3,727 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 972 ยูนิต มีมูลค่า 3,276 ล้านบาท โครงการอาคารชุด มีจำนวน 291 ยูนิต มีมูลค่า 451 ล้านบาท

โดยทำเลขายดี 3 อันดับ ได้แก่ 1.ทำเลวนารมย์-โนนหงษ์ทอง จำนวน 43 ยูนิต 2.ทำเลเซ็นทรัล อุบลราชธานี จำนวน 35 ยูนิตและ 3.ทำเลวารินชำราบ จำนวน 35 ยูนิต ส่วนทำเลที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขาย สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทำเลอุบลสแควร์ จำนวน 144 ยูนิต 2.ทำเลวารินชำราบ จำนวน 82 ยูนิต และ 3.ทำเลวนารมย์-โนนหงษ์ทอง จำนวน 78 ยูนิต

อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากภาพรวมอัตราดูดซับ ณ ครึ่งหลังปี 2562 ลดลงจาก 3.3 %  ในครึ่งแรกของปี 2562 มาอยู่ที่ 2.3  % ณ ช่วงครึ่งหลังปี 2562 โดยในปี 2563 คาดการณ์ว่าอัตราดูดซับ โดยภาพรวมที่อยู่อาศัยยังคงลดลงต่อเนื่องจากปี 2562 โดยมีหน่วยเหลือขายประมาณ 1,343 ยูนิต  ทั้งนี้คาดว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจำนวน 1,992 ยูนิต มูลค่า 3,303 ล้านบาท

ภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยจังหวัดมหาสารคาม จากการสำรวจพบว่าในครึ่งหลังปี 2562 อุปทานภาพรวมมีที่อยู่อาศัยเสนอขายจำนวน 21 โครงการ รวม 755 ยูนิต มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 88 ยูนิต และมีหน่วยเหลือขาย 667 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 1,786 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 577 ยูนิตมีมูลค่า 1,678 ล้านบาท โครงการอาคารชุด มีจำนวน 90 ยูนิต มีมูลค่า 108 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากภาพรวมแม้อัตราดูดซับจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากปี 2561 อยู่ที่ 1.9  % แต่อัตราดูดซับโดยภาพรวมก็ยังคงทรงตัว ซึ่งในปี 2563 คาดการณ์ว่าอัตราดูดซับที่อยู่อาศัยจะยังคงทรงตัวทุกประเภทยกเว้นอาคารพาณิชย์ ซึ่งลดจาก 7.0  % มาอยู่ที่ 1.9  % ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวนประมาณ 688 ยูนิต

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*