ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างรุนแรงในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งพบว่าหลายหน่วยงานมีการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2563 ลงมาอยู่ที่ติดลบ 5.3% จากเดิมที่มองขยายตัว 2.8% โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีความรุนแรงและกระทบเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้การส่งออก การบริโภคได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่มีการหดตัวแรง แต่ในสำหรับตลาดอาคารสำนักงานที่
นายภัทรชัย ทวีวงศ์
3 โครงการเปิดตัวใหม่ผู้เช่าพุ่งกว่า80%
นายภัทรชัย ทวีวงศ์   รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดอาคารสำนักงาน (สนง.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ สิ้น ไตรมาสแรกปี พ.ศ. 2563 พบว่าอุปทานพื้นที่สำนักงานรวมในกรุงเทพมหานครยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 8.857 ล้านตารางเมตร จากการเปิดตัวของโครงการอาคารสำนักงานจำนวน 3 แห่ง ซึ่งบางโครงการมีการเลื่อนการเปิดตัวมาจากในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ได้แก่

-สปริงทาวเวอร์ บนถนนพญาไท โดยมีพื้นที่เช่า 27,255 ตารางเมตร

-ทิปโก้ ทาวเวอร์ 2 บนถนนพระราม 6 โดยมีพื้นที่เช่า 14,238 ตารางเมตร

-ทีอาร์อาร์ ทาวเวอร์ บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมีพื้นที่เช่า 15,524 ตารางเมตร

โดยทั้ง 3 โครงการมีพื้นที่รวมทั้งหมด 57,071  ตารางเมตร และพบว่ายังคงมีอุปสงค์พื้นที่สำนักงานรวมในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 45,000 ตารางเมตร โดยพบว่า โค-เวิร์คกิ้ง สเปซ ,สถาบันทางการเงิน รวมถึงหน่วยงานของภาครัฐบางส่วน เป็นผู้ที่เข้าใช้พื้นที่ของอาคารสำนักงานมากที่สุดในช่วงไตรมาสที่แรกของปีผ่านมา ซึ่งกลุ่มผู้เช่าเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่า 3,000 ตารางเมตร จึงส่งผลให้อาคารสำนักงานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมาบางอาคารมีการใช้พื้นที่ไปแล้วกว่า 80% และคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้เช่าเหล่านี้จะยังคงเป็นผู้เช่าหลักของอาคารสำนักงานในอนาคต

หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวกลับสู่ภาวะปกติ ผู้ประกอบธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าควรพิจารณาและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นี้  ด้วยการปรับลดขนาดพื้นที่เช่าให้เล็กลงเพื่อที่จะปล่อยพื้นที่เช่าได้เร็วขึ้น หรือการลงนามสัญญาเช่าสมัยก่อนอาจต้องลงนาม 3 ปีขึ้นไป อาจมีการปรับลดลงเป็นระยะเวลาให้สั้นขึ้น สำหรับการบรรเทาในระยะสั้นสำหรับผู้เช่า ผู้ประกอบการควรให้ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน และค่าบริการอื่นๆ อย่างน้อย 3-6 เดือน โดยแบ่งตามประเภทธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหรือให้สามารถแบ่งชำระค่าเช่า ค่าบริการรวมถึงขยายเวลาชำระเงินกำหนดเดิมออกโดยไม่คิดดอกเบี้ย เพื่อให้ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบสามารถประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นไปได้และเพื่อให้ผู้เช่ายังคงสามารถเช่าพื้นที่ต่อได้โดยไม่ยกเลิกสัญญาเช่า สำหรับผู้เช่าหากได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว ควรติดต่อผู้ให้เช่าเพื่อพูดคุยและหาแนวทางเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป หรือหากครบกำหนดต่อสัญญาอาจพิจารณาเป็นการต่อสัญญาระยะสั้นไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป

หวั่นโควิด-19ลากยาวถึงQ3/63กระทบแน่

แม้ว่าตลาดอาคารสำนักงานจะเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างน้อยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ เนื่องจากโดยรวมแล้วในปีนี้อุปทานที่เหลืออยู่ ยังคงไม่เพียงพอหรือมีอย่างจำกัดเพื่อรองรับความต้องการของบริษัทต่างๆ ที่ต้องการย้ายอาคารสำนักงานใหม่ หรือขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาคารเกรดเอ  ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ฯคาดการณ์ว่า หากหลังจากช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีเป็นต้นไปเป็นแล้ว สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ตลาดอาคารสำนักงานก็อาจจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ เนื่องจากการสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทยคาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้มีคนว่างงานมากกว่า 6.5 ล้านคน ซึ่งแน่นอนว่าผู้เช่าหลายรายที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องธุรกิจอาจปิดตัวลงจนต้องยกเลิกสัญญาเช่าหรือปรับลดขนาดพื้นที่ลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้สามารถประคับประคองธุรกิจไปได้

 อุปทานพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพมหานคร ปีพ.ศ. 2554 – พ.ศ. 2565

ที่มา: ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

คาดพื้นที่สนง.แล้วเสร็จปี’63ยังมีจำกัด

อย่างไรก็ตามแม้ว่าทั้ง 3 อาคารสำนักงานดังกล่าวข้างต้นที่เปิดให้บริการแล้ว พื้นที่รวมทั้งหมด 57,071  ตารางเมตร และยังมีพื้นที่สำนักงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกราว 1.45 ล้านตารางเมตร โดยคาดว่าจะแล้วในเสร็จระหว่างปี พ.ศ. 2563 – 2568  จากพื้นที่อาคารสำนักงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทั้งหมดพบว่า ประมาณร้อยละ 58 ตั้งอยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ และร้อยละ 82 จะเป็นพื้นที่สำนักงานเกรดเอ โดยฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์สฯ คาดการณ์ว่า พื้นที่สำนักงานที่จะแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2563 ยังคงมีอย่างจำกัด โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ. 2563 นั้นมีพื้นที่สำนักงานที่แล้วเสร็จเพียงแค่ 57,071 ตารางเมตร ในขณะที่ไตรมาสที่ 2- ไตรมาสที่ 4  จะมีพื้นที่สำนักงานก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ  329,255 ตารางเมตร โดยในปีพ.ศ. 2564 และปีพ.ศ. 2565 จะมีพื้นที่สำนักงานที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ 368,032ตารางเมตร และ401,174ตารางเมตร ตามลำดับ

อุปทานพื้นที่สำนักงานแบ่งตามพื้นที่ ไตรมาสที่ 1 ปีพ.ศ. 2563

ที่มา: ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

 ถึงแม้ว่าปัจจุบันอุปทานพื้นที่อาคารสำนักงานส่วนใหญ่ประมาณ 45% จะยังคงอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ แต่ยังคงพบว่า อุปทานพื้นที่สำนักงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกกว่า 58% ก็ยังคงตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีราคาที่ดินที่ค่อนข้างสูงและหาที่ดินที่จะนำมาพัฒนาค่อนข้างยาก เช่น ถนนพระราม 4 สุขุมวิท สีลม หรือสาทร  และตั้งแต่ช่วงกลางปี 2562 ที่ผ่านมาพบว่า พื้นที่นอกศูนย์กลางเขตธุรกิจกำลังเป็นทำเลใหม่ในการพัฒนาอาคารสำนักงาน เนื่องจากราคาที่ดินที่ไม่สูงมากนัก เหมาะสำหรับการพัฒนาอาคารสำนักงาน และทำเลเหล่านั้นยังคงขาดแคลนพื้นที่สำนักงานเกรดเอใหม่ๆ ที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เนื่องจากอาคารสำนักงานให้เช่าบนทำเลเหล่านั้นส่วนใหญ่ก่อสร้างแล้วเสร็จมามากกว่า 10 ปี และยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะสามารถเช่าได้ในระดับราคาที่ถูกลง เมื่อเทียบกับอาคารสำนักงานในเกรดเดียวกันในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ  เช่น ถนนรัชดาภิเษก และพระราม 9 พื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทตอนกลาง – ปลาย ถนนพหลโยธิน และทำเลย่านบางนา- ตราด เป็นต้น  โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเส้นทางใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ราคาที่ดินพุ่งสูงแต่คุ้มค่าการลงทุน

สำหรับราคาที่ดินที่ปรับขึ้นในพื้นที่ศูนย์กลางเขตธุรกิจ (CBD)เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาอาคารสำนักงาน แต่ยังพบว่านักลงทุนทั้งนักลงทุนต่างชาติและผู้ประกอบการไทยอีกเป็นจำนวนมากยังคงมองหาที่ดินศักยภาพในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจเพื่อนำมาพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่าถึงแม้ว่าราคาที่ดินจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเพียงใด เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นมองเห็นถึงโอกาสในการลงทุนบนทำเลย่านนี้ทั้งในเรื่อองของอุปทานคงเหลือที่มีค่อนข้างน้อย รวมถึงราคาค่าเช่าที่ยังสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นยังคงเชื่อมั่นและมองเห็นโอกาสในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

“ระยะหลังนี้เราได้เห็นบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัย หันมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้สม่ำเสมอ รวมถึงอาคารสำนักงานเพื่อที่จะกระจายความเสี่ยงจากการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งจากการเข้าซื้ออาคารสำนักงานและนำมาปรับปรุงใหม่  เพื่อที่จะสามารถปรับค่าเช่าให้เพิ่มสูงขึ้น  รวมถึงผู้ประกอบการต่างชาติที่สนใจเข้าซื้ออาคารสำนักงานในกรุงเทพมหานครเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ในช่วงที่ผ่านมาจึงส่งผลให้ตลาดอาคารสำนักงานในประเทศไทยยังคงเติบโตและแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆที่เข้ามากระทบ” นายภัทรชัย กล่าว

 อุปทานพื้นที่สำนักงานแบ่งตามพื้นที่ ไตรมาสที่ 1 ปีพ.ศ. 2563

ที่มา: ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

สุขุมวิทแชมป์อัตราเช่าสูงสุดย่านใจกลางเมือง

ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปีพ.ศ 2563 มีอุปสงค์การใช้พื้นที่สำนักงานรวมทั้งสิ้น 8.441 ล้านตารางเมตร อัตราการเช่าโดยรวม ณ ไตรมาสนี้อยู่ที่ 95.3%  ซึ่งถือว่ายังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ทำเลย่านสุขุมวิทยังคงเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการการใช้พื้นที่สูงสุดในย่านศูนย์กลางธุรกิจที่ 96.3%  ในขณะที่พื้นที่รอบนอกฝั่งเหนือมีอัตราการใช้พื้นที่สูงสุดในพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจที่ 99.1%

ส่วนความต้องการพื้นที่สำนักงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 1- 2 ปีที่ผ่านมา และอุปทานใหม่ๆ ที่ยังคงมีอยู่จำกัด ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อัตราการเช่าสูงขึ้นใน 3 พื้นที่หลักในกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้แก่ พื้นที่ศูนย์กลางเขตธุรกิจ พื้นที่รอบเมืองฝั่งทิศตะวันออก และพื้นที่รอบเมืองฝั่งทิศเหนือ  บริษัทต่างชาติและไทยหลายบริษัทในกรุงเทพมหานครยังคงมีความต้องการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอ และ บี ในพื้นที่ศูนย์กลางเขตธุรกิจ (CBD) และพื้นที่โดยรอบ แต่มีหลายบริษัทที่มีปัญหาในการหาพื้นที่ที่เหมาะสมตามความต้องการ ทำให้อาคารสำนักงานใหม่บางอาคารนอกพื้นที่ศูนย์กลางเขตธุรกิจ (CBD) มีความน่าสนใจสำหรับบริษัทที่ต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานมากกว่า 1,000 ตารางเมตร หรือหลายบริษัทเลือกที่จะต่อสัญญาระยะสั่นเพื่อที่จะรออุปทานใหม่ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในอนาคต

อาคารสำนักงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนใหญ่มีการเปิดให้เช่าพื้นที่ล่วงหน้าโดยผ่านทางเอเจนซี่ และมีการปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่จะระยะของอัตราการเช่าที่วางไว้ ซึ่งหลายอาคารมีอัตราการเช่าพื้นที่ล่วงหน้าสูงกว่า 60% ก่อนที่อาคารจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการ เนื่องจากผู้เช่ามองว่าจะได้ราคาค่าเช่าที่ค่อนข้างถูกกว่าเมื่ออาคารก่อสร้างแล้วเสร็จ และยังคงมีพื้นที่ให้เลือกและได้ในขนาดพื้นที่ที่ต้องการ

โดยปกติการย้ายสำนักงานของผู้เช่าในกรุงเทพมหานคร จะย้ายในพื้นที่เดิมหรือการขยายพื้นที่ก่อน หรือย้ายไปที่อาคารสำนักงานใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า เนื่องจากบริษัทไม่ต้องการให้การย้ายสำนักงานมีผลต่อการเดินทางของพนักงาน  รวมถึงลูกค้าจะสามารถเดินทางได้ย่างสะดวกสบาย และอีกปัจจัยสำคัญคือเรื่องของภาพลักษณ์ขององค์กรก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้เช่าต้องการย้ายอาคารสำนักงานใหม่ไปที่อาคารสำนักงานใหม่ๆที่มีระบบการจัดการที่ดี มีความทันสมัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ดีขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตของพนักงานและภาพลักษณ์ขององค์กรที่ดี

ราคาเสนอเช่าเฉลี่ยแบ่งตามพื้นที่ Q1/ 2563

ที่มา: ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

 ค่าเช่าปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับค่าเช่ายังคงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงแรกของปีพ.ศ.2563 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสก่อนหน้า  เนื่องจากพื้นที่ว่างมีน้อยลงในขณะที่ความต้องการยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยพบว่าค่าเช่าเฉลี่ยของอาคารสำนักงานเกรดเอในพื้นที่ศูนย์กลางเขตธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 1,115 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน โดยเฉพาะอาคารสำนักงานย่านลุมพินีพบว่าอัตราค่าเช่าเฉลี่ยในพื้นที่ลุมพินีปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,110 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน หรือปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2.2% จากไตรมาสก่อนหน้า  โดยค่าเช่าของพื้นที่สำนักงานในอาคารเกรดเอ ในกรุงเทพมหานครอยู่ที่ประมาณ 900-1,600 บาท/ต่อตารางเมตร แต่ค่าเช่าสุดท้ายอาจจะต่ำกว่านี้ลงมาสัก 5 – 10% หรือมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับการเจรจาและขนาดของพื้นที่

สำหรับในปี 2563 ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์สฯ คาดการณ์ว่าภาคธุรกิจต่างๆ ถึงแม้ว่าอาจไม่มีการว่าจ้างพนักงานใหม่เพิ่มมากนักในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวเป็นอย่างมาก และบางส่วนอาจมีการพยายามลดต้นทุนการเพื่อเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจและต่อธุรกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การเช่าสำนักงานส่วนใหญ่เป็นสัญญาระยะยาวจึงทำให้ตลาดอาคารสำนักงานไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และเชื่อว่าในอนาคตหลายๆ บริษัทยังจำเป็นต้องขยายพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นเมื่อมีโอกาส เนื่องจากอาคารสำนักงานที่มีอยู่เดิมคับแคบกว่าที่ควร หรืออยากย้ายอาคารสำนักงานใหม่เพื่อให้สะดวกในการเดินทางมากขึ้นและเพื่อสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ดีขึ้น และพบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายบริษัทแม้จะมีพนักงานจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ไม่สามารถขยายออฟฟิศได้เนื่องจากอุปทานใหม่มีเข้ามาอย่างจำกัด ดังนั้น ภาพรวมตลาดอาคารสำนักงานจะยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งในปีนี้ และค่าเช่าจะยังคงมีโอกาสปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

แนะผู้ประกอบการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ที่ผ่านมา หลายบริษัทมีมาตรการทำงานที่บ้าน (Work From Home : WFH) ที่เกิดจากวิกฤตครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับตลาดอาคารสำนักงานในอนาคต  จะทำให้คนเริ่มทำงานที่บ้านมากขึ้น และาจจะมีผลต่อการลดการใช้พื้นที่เช่าในอนาคต รวมถึงธุรกิจโคเวิร์คกิ้ง สเปซ ถือว่าเป็นอีกธุรกิจที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากการสนับสนุนให้คนมีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) หากไปอยู่ร่วมกันอาจผิดหลักการที่รัฐบาลขอความร่วมมือ  ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าจะต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงนี้  ด้วยการปรับลดขนาดพื้นที่เช่าให้เล็กลง หรือการลงนามสัญญาเช่าสมัยก่อนอาจต้องลงนามยาว 3 ปีขึ้นไปอาจมีการปรับลดลงเป็นระยะเวลาที่สั้นขึ้น สำหรับภาวะบรรเทาในระยะสั้นสำหรับผู้เช่า ผู้ประกอบการควรให้ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน ค่าบริการ และค่าที่จอดรถ อย่างน้อย 3-6 เดือน โดยแบ่งตามประเภทธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ หรือให้สามารถแบ่งชำระค่าเช่า ค่าบริการรวมถึงขยายเวลาชำระเงินกำหนดเดิมออกไปโดยไม่คิดดอกเบี้ย เพื่อให้ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบสามารถประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นไปได้และเพื่อให้ผู้เช่ายังคงสามารถเช่าพื้นที่ต่อได้โดยไม่ยกเลิกสัญญาเช่า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*