แสนสิริฯ สวนกระแสโควิด-19 จ่อผุดแนวราบ ราคา 3-10 ล้านบาท 12 โครงการ รวมมูลค่า 15,200 ล้านบาท ตอบโจทย์ดีมานด์  ระบุธปท.ปรับลดดอกเบี้ยเอื้อการลงทุน พร้อมอัดโปรโมชั่นแรง แสนสิริผ่อนให้ สูงสุดถึง 24 เดือนครอบคลุม 62 โครงการพร้อมอยู่ ทั่วประเทศ ลุ้นเป้ายอดขายปี’63 แตะ 29,000 ล้านบาท
นายอาณัติ  กิตติกุลเมธี
นายอาณัติ  กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)หรือ SIRI เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยว ในปี 2562 ที่ผ่านมาว่า มีจำนวนยูนิตเปิดขายในตลาด จำนวน  21,000 ยูนิต และมีดีมานต์ความต้องการอยู่ที่ 11,800 ยูนิต ซึ่งเห็นได้ว่า Supply มีจำนวนน้อยลง ขณะที่ดีมานด์ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ Absorption Rate อยู่ที่ 56% สูงกว่า 3 ปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่ายังมีดีมานต์ความต้องการใน โปรดักส์ที่สามารถตอบโจทย์และตั้งอยู่ในทำเลที่ลูกค้าต้องการได้ ขณะเดียวกัน ความต้องการบ้านเดี่ยวในระดับราคา  ราคา 10-20 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2562 ถึง 7% เมื่อเทียบกับปี 2561 และบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านขายดีที่สุด ดังนั้นในปี 2563  แสนสิริจึงรุกเปิดแบรนด์สิริ เพลส ที่อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท รวมทั้งแบรนด์เศรษฐสิริ บุราสิริ และสราญสิริ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคา 10 – 20 ล้านบาท

จากความสำเร็จในการสร้างยอดขายที่สูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก้าวเป็นอันดับ 1  ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรก ด้วยยอดขาย 11,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นยอดจากกลุ่มโครงการแนวราบถึงกว่า 4,800 ล้านบาท หรือ 44% ของยอดขายที่ทำได้ในไตรมาสแรก สะท้อนความสำเร็จจาก การได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าจนส่งผลให้เป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน” จนส่งผลให้ปิดการขายโครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จำนวน 6 โครงการ  มูลค่าโครงการรวม 10,200 ล้านบาท ได้แก่ โครงการสราญสิริ ติวานนท์ – แจ้งวัฒนะ, โครงการนาราสิริ โทเพียรี่, โครงการนาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1, โครงการนาราสิริ บางนา, โครงการสราญสิริ เกาะแก้วและบุราสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต เป็นต้น

นอกจากนี้ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อตลาดอสังหาฯ ยังมาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.25% เป็น 1% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เคยมีมา นับเป็นการกระตุ้นการลงทุน ที่ส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาฯ ทั้งกับผู้ประกอบการr และผู้ซื้อ เพราะทำให้มีต้นทุนในการพัฒนาโครงการที่ถูกลง และยังเป็นการลดต้นทุนในการกู้ของผู้ซื้ออสังหา ทำให้มีกำลังในการซื้อมากขึ้น รวมถึงความผันผวนของตลาดหุ้น ซึ่งนับเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนมองหาการลงทุนในรูปแบบอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าและปลอดภัยกว่าในระยะยาว ซึ่งการลงทุนในอสังหาฯ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

สำหรับภาพรวมในไตรมาส2/2563 นี้ คาดการณ์ว่า ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า โควิด-19 จะพลิกวิกฤตให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อมากขึ้น  ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าใหม่ จะมีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น จากไลฟ์สไตล์แบบ SOCIAL DISTANCING

ทั้งนี้ในปี 2563 บริษัทฯได้วางแผนเปิดตัวทั้งหมด 18 โครงการ รวมมูลค่า 24,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว สัดส่วน 36%  จำนวน 6 โครงการ ภายใต้แบรนด์ เศรษฐสิริ-สราญสิริ ระดับราคา  7-10 ล้านบาท  มูลค่า 8,600 ล้านบาท ,ทาวน์โฮม มิกซ์โปรดักส์ สัดส่วน 28%  จำนวน 6 โครงการ ภายใต้แบรนด์  สิริ เพลส-คณาสิริ ระดับราคา 3-7 ล้านบาท มูลค่า 6,600 ล้านบาท รวม 2 เซกเมนต์ คิดเป็นมูลค่า 15,200 ล้านบาท  และที่เหลืออีก 37% จะเป็นการพัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 8,800 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวบ้านรูปแบบใหม่ รวมทั้งโครงการในแนวคิดใหม่ในปีนี้ เพื่อรองรับดีมานด์และความต้องการที่ตอบโจทย์ insights ของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นอีกด้วย

โดยไตรมาส2 นี้ จะมีการเปิด 2 โครงการ สิริ เพลส ประชาอุทิศ 90 และ สิริ เพลส  ราชพฤกษ์-พระราม5 รวมมูลค่า 1,800 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2563 นี้ โดยไตรมาส2/2563 นี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 8,500 ล้านบาท โดยมาจากแนวราบ 4,500 ล้านบาท  โดยเน้นแบรนด์สิริ เพลส และอณาสิริ เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ และผู้ที่มีความต้องการบ้านหลังแรก

จากความเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และความเข้าใจใน Customer Insight บริษัทฯยังได้เปิดตัวแคมเปญในช่วงไตรมาส 2  แสนสิริผ่อนให้ สูงสุดถึง 24 เดือน เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีบ้านง่าย ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนที่อยู่อาศัย สบายใจได้นานตลอดระเวลา 2 ปี และสามารถนำเงินไปใช้จ่ายอื่นได้ เพราะแสนสิริผ่อนให้ ทั้งต้น ทั้งดอกเบี้ย นานสูงสุด 24 เดือน ครอบคลุมถึง 62 โครงการพร้อมอยู่ ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอดีๆ อีกมากมาย อาทิ รับส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท ฟรีค่าส่วนกลางนานสูงสุด 1 ปี พร้อมรับ Give Voucher สูงสุด 100,000 บาท สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม และฟรีค่าส่วนกลางนาน  2  ปี สำหรับคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่จากแสนสิริ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ตั้งแต่ 3 เมษายน จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 นี้

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการรุกขายในทุกช่องทางตอบโจทย์คนอยากมีบ้านในยุคโควิด ด้วย Multi-Channel ซื้อขายครบในทุกช่องทาง และซื้อและเยี่ยมชมโครงการ ง่ายแค่ปลายนิ้ว ได้แก่

ช่องทางที่1 : Sansiri Virtual Sales Gallery เยี่ยมชมโครงการเสมือนจริงบน www.sansiri.com, แสนสิริ ไลน์ ออฟฟิเชียล

-ช่องทางที่ 2 : Line Official Account สนในโครงการไหน แชทคุยได้ตลอดที่ @Sansiriplc

-ช่องทางที่ 3 :Facebook Sansiri PLC เกาะติดทุกข่าวสารทักผ่าน inbox ได้เลย

-ช่องทางที่ 4 :Visit Site เยี่ยมชมโครงการแบบ private tour ที่ทั้งปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

ช่องทางที่ 5 :24 Hrs. Online Booking จองคอนโดออนไลน์ได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง

ช่องทางที่ 6 :Call Centre อยากรู้เรื่องไหน แสนสิริพร้อมดูแล ที่โทร 1685

อีกทั้งแสนสิริ ยังได้เตรียมพร้อมรับมือโควิด -19 ด้วยการร่วมมือกับ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด วางมาตรการเน้นย้ำความปลอดภัยและสุขอนามัยของลูกบ้าน ลูกค้า พนักงานและพันธมิตร ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญ โดยชูแนวทาง Sansiri Care เพราะเราห่วงใย” เตรียมความพร้อมในการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยยกระดับ 3 มาตรการแบบเต็มขั้น ได้แก่ มาตรการการป้องกัน การดูแล และการรับมือ ครอบคลุมทั้งในด้านความสะอาด, การอำนวยความสะดวกและเตรียมพร้อมรับมือ พร้อมจัดตั้งทีมงานศึกษา และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยทั้งในโครงการและในทุกสำนักงานขาย เพราะความปลอดภัยของลูกบ้าน และลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด

“ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา และกลยุทธ์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเรียลดีมานต์ รวมถึงการเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน” ทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการหรือ Sansiri Service จากการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย รวมถึง LIV-24 ที่ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง มาตรฐานแสนสิริที่พร้อมดูแลทุกจุดในโครงการ พร้อมพริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่ ทำให้เชื่อมั่นว่า บริษัทจะสามารถสร้างยอดขายในช่วงไตรมาส2 ได้ถึง 8,500 ล้านบาทตามที่วางไว้” นายอาณัติ กล่าว

อย่างไรก็ตามในปี 2563 นี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมทุกเซกเมนต์ที่ 29,000 ล้านบาท โดยเป็นตลาดแนวราบ สัดส่วน 55% ซึ่งตั้งเป้ายอดขายที่ 15,900 ล้านบาท และยอดโอนที่ 15,400 ล้านบาท  ส่วนคอนโดฯมีสัดส่วนที่ 45%

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*