เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ในเครือสิงห์ เอสเตทฯ ประกาศมาตรการรับมือโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาด หยุดทำการโรงแรมรีสอร์ทในไทย มัลดีฟส์ ฟิจิ มอริเชียส และสหราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยพนักงานลูกค้า และลดต้นทุน
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด(มหาชน)หรือSHR ในเครือบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ S  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ไปทั่วโลก ได้ส่งผลให้บริษัทหยุดให้บริการธุรกิจโรงแรมชั่วคราว เพื่อตอบรับกับมาตรการปิดพรมแดนในหลายประเทศที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอยู่

“การหยุดทำการชั่วคราวครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส และเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของผู้เข้าพักและพนักงานทุกคน ในขณะเดียวกันก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง ทุกโรงแรมจะร่วมมือกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขของแต่ละประเทศเพื่อดำเนินมาตรการป้องกันอื่นๆ หากสถานการณ์เปลี่ยนไป” นายเดิร์ก กล่าว

ทั้งนี้ โรงแรมทั้ง 4 แห่ง ของ SHR ในประเทศไทย ได้แก่ โรงแรม สันติบุรี เกาะสมุย ,โรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท , โรงแรม เอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท และโรงแรม เอาท์ริกเกอร์ เกาะสมุย บีช รีสอร์ท จะหยุดทำการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 1-30 เมษายน 2563

ส่วนในมหาสมุทรอินเดีย ธุรกิจทั้งหมดในมัลดีฟส์ รวมถึงโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) ประกอบด้วยโรงแรม SAii Lagoon Maldives, Hard Rock Hotel Maldives, The Marina @ CROSSROADS, and Outrigger Konotta Maldives Resort จะหยุดทำการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 โดยกำหนดเปิดทำการจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง


ส่วนในฟิจิ และมอริเชียส ได้เตรียมความพร้อมในการหยุดทำการรีสอร์ททั้ง 3 แห่งชั่วคราว เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของหน่วยงานภาครัฐ

ขณะที่ในสหราชอาณาจักร บริษัทฯ มีโรงแรม 29 แห่ง และได้ทำงานประสานกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิดเพื่อดำเนินการตามมาตรการปิดพรมแดนของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ขณะนี้ โรงแรมเกือบทั้งหมดได้หยุดทำการชั่วคราวแล้วจนถึงสิ้นเดือนเมษายน ยกเว้นโรงแรม 3 แห่ง ที่เปิดทำการเพื่อช่วยเหลือและเป็นที่พักสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ธุรกิจภาครัฐและพนักงานจากธุรกิจอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นในสถานการณ์นี้

ทั้งนี้สถานการณ์ในขณะนี้มีการระบาดเพิ่มขึ้นทุกวัน บริษัทฯ จะติดตามขั้นตอนการปิดพรมแดน คำสั่งห้ามเดินทาง และคำแนะนำของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง หากสถานการณ์ดีขึ้นและภาครัฐมีการยกเลิกคำสั่งต่าง ๆ บริษัทฯ พร้อมที่จะจัดเตรียมนโยบายและกลยุทธ์ทางการตลาดต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่พร้อมจะกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามในช่วงที่โรงแรมหยุดทำการชั่วคราว บริษัทฯ ยังคงว่าจ้างพนักงานตามอัตรากำลังคนเดิม พร้อมทั้งแนะนำให้เก็บตัวอยู่ในบ้านและหลีกเลี่ยงการเดินทางตามคำแนะนำของรัฐบาลในแต่ละประเทศ ส่วนพนักงานในรีสอร์ทที่ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ เนื่องจากการปิดพรมแดนหรือห้ามเดินทางในสถานการณ์การระบาดของโรค จะยังคงพักอยู่ในโรงแรม โดยบริษัทฯ มีมาตรการป้องกันด้านสุขอนามัยเพิ่มเติมที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของรัฐ เพื่อให้พนักงานปฏิบัติตาม


“สุขภาพและความปลอดภัยของผู้เข้าพักและพนักงานเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เราเข้าใจเป็นอย่างดีว่า แผนการท่องเที่ยวของหลายๆคน ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ เราจึงมีนโยบายที่ยืดหยุ่นในการช่วยเหลือลูกค้าปรับเปลี่ยนการจองห้องพัก เพื่อให้สอดคล้องกับคำแนะนำเรื่องการเดินทางและคำสั่งห้ามเดินทางของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง โดยสถานการณ์ในขณะนี้ มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทุกวัน มาตรการที่เข้มข้นต่าง ๆ จะช่วยลดผลกระทบที่มีต่อผู้เข้าพัก พนักงาน และพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเราหวังว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว และเราพร้อมที่จะยืนเคียงข้างและสนับสนุนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้” นายเดิร์ก กล่าวในที่สุด

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*