จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังสถานการณ์ในไทยเสี่ยงแย่ลง จึงยากที่เศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะพลิกฟื้นกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ในด้านธุรกิจก็เช่นกันการจะอยู่รอดภายใต้สถานการณ์นี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวอย่างหนัก ทั้งการปรับกลยุทธ์รับมือสถานการณ์ การบริหารจัดการสภาพคล่อง/กระแสเงินสด การผ่อนผันการชำระหนี้ต่างๆ รวมถึงการตัดลดต้นทุนในส่วนที่ไม่กระทบต่อการสร้างรายได้

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้นอีก 2 เดือนจากนี้ และคาดว่าจะเริ่มคลี่คลายในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์คือ ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ หรือยืดระยะเวลาการโอนบ้านออกไป ด้านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เริ่มปรับกลยุทธ์ ลดปริมาณงานก่อสร้าง ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น บางรายเลื่อนเปิดโครงการใหม่

สำหรับ CPanel  เป็นธุรกิจอยู่ในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่บริษัทมองว่าเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นในช่วงที่ทุกคนตื่นตระหนก และอยู่ระหว่างเตรียมแผนการรับมือ เพราะคาดการณ์ไม่ได้ว่าสถานการณ์นี้จะยืดเยื้อและใช้เวลายาวนานเท่าใด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์นี้จะส่งผลดีให้ CPanel ในระยะยาว เนื่องจากธรรมชาติของธุรกิจอสังหาฯ เมื่อมีการชะลอตัวและลดสต็อคมากๆ พอถึงจุดที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ผู้ประกอบการอสังหาฯ จะเร่งสร้างบ้านรองรับความต้องการของผู้บริโภค

นอกจากนี้ในอนาคตผู้ประกอบการจะมองหาเทคโนโลยีในการสร้างบ้านให้เร็วขึ้น มีแนวโน้มใช้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปแทนวัสดุอื่น ซึ่งผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของ CPanel ทุกชิ้นผลิตด้วยเทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automated สามารถออกแบบและขึ้นงานได้ตามความต้องการของลูกค้า ลดการผิดพลาดจากการผลิต ลดต้นทุนและลดระยะเวลาก่อสร้าง อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี เป็นโอกาสของบริษัทในการรับงานเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์คลี่คลาย

“บริษัทประเมินว่าภาพรวมอสังหาฯโครงการแนวราบลดลงประมาณ 30-40%  ขณะที่โครงการแนวสูงไม่สามารถหยุดการก่อสร้างได้ ส่งผลให้ช่วงไตรมาสแรกยอดคำสั่งซื้อของบริษัทชะลอลง อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว  ด้วยกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเดิมพร้อมขยายฐานกลุ่มลูกค้ารายใหม่ ที่มีรูปแบบโครงการและอาคารที่หลากหลาย อีกทั้งเพิ่มประเภทสินค้ามากขึ้น เช่น กำแพงในคอนโด (Non-Bearing Wall) กำแพงกันดิน ฐานรากคอนโดน หรือชั้นใต้ดิน รวมถึงเพิ่มสัดส่วนงานอาคารสำนักงาน และอาคารสูง ซึ่งถือเป็นการขยายโอกาสในการรับงานให้มีความหลากหลายมากขึ้น”

นอกจากนี้การแพร่ระบาดของไวรัสมีแนวโน้มลุกลามอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน บริษัทจึงขานรับมาตรการ  Work From Home ลูกค้าสามารถประชุมงาน, ดูแบบ, อัพเดทงานผ่านระบบ Video Conference (Zoom, Google Meet) เพื่อความปลอดภัยในสถานการณ์นี้ และยังช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลา โดยที่ยังสามารถประสานงานได้อย่างต่อเนื่อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*