กานดาฯรับโควิด-19 กระทบทุกธุรกิจ ระบุกลุ่มผู้ซื้อที่รายได้เริ่มไม่มั่นคงกระทบตรงสุด ส่งผลชะลอซื้อที่อยู่อาศัย เหตุเป็นสินค้ารอซื้อได้ ทั้งสถาบันการเงินเข้มปล่อยสินเชื่อโครงการรายย่อยมากขึ้น เผยแผนระยะสั้นหั่นงบไม่จำเป็นลดงานก่อสร้างชะลอซื้อที่ดิน ประกาศหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายอาจถึงขั้นลดขนาดโครงการปรับราคาขายถูกลง ทั้งลดเป้ารายได้ทั้งปีลง20%
นายอิสระ บุญยัง
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 นั้น เชื่อว่าในทุกธุรกิจคงประสบปัญหาคล้ายๆกัน ซึ่งในส่วนของบริษัทฯคงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจะเป็นดีมานด์ที่มีรายได้เริ่มไม่มั่นคงมากกว่า   ซึ่งลูกค้าจะมองว่าอสังหาฯเป็นสินค้าที่รอซื้อได้ จึงชะลอการซื้อออกไปก่อน เมื่อมีความพร้อมจึงจะกลับมาใหม่  จะได้รับผลกระทบโดยตรง

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หากสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่จบ และดีมานด์มีการชะลอการซื้อยาว ดังนั้นบริษัทฯจึงได้เตรียมแผนในระยะสั้นด้วยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง, ลดปริมาณงานก่อสร้าง ชะลอการซื้อที่ดิน และเจรจากับสถาบันการเงิน ทั้งในเรื่องเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้

ส่วนแผนในระยะกลาง ยาว ยังไม่ได้มีการเตรียมการแต่อย่างใด เพราะยังไม่ทราบว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดเมื่อใด คงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ก่อน หากในระยะยาวสถานการณ์ไม่จบ ก็คงต้องลดขนาดโครงการให้เล็กลง และลดราคาขายลงมา เพราะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง ยังเป็นกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่อยู

ซึ่งบริษัทฯเคยผ่านประสบการณ์ในช่วงวิกฤตปี 2540 มาแล้ว มองว่ามีความที่เลวร้ายกว่าสถานการณ์โควิด-19 มาก เพียงแต่ครั้งนี้กระทบในวงกว้างไปทั่วโลก หากลากยาวแบบยังไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งได้จะยิ่งทำให้กำลังซื้อถดถอยไปทั้งระบบ

หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายเราอาจต้องลดแรงงานของบริษัทเอง หันไปใช้ไปใช้ Outsource แรงงานจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างมากขึ้น  ซึ่งพยายามที่จะอยู่แบบพอเพียง โดยไม่ก่อหนี้ ไม่ขยายตัวมากเกินไป และพึ่งพาตนเองได้ โดยในปีนี้เรามีแผนจะสร้างโรงงานพรีคาสท์ เพิ่มอีก 1 แห่ง (  6 โรงงานผลิต)ย่านลำลูกกา  ก็จะชะลอไปก่อน ซึ่งที่ผ่านมาถมที่ดินไปแล้ว ขณะนี้ก็แก้ปัญหาด้วยการนำสินค้าจากโรงงานย่านพระราม2 ไปทดแทนก่อน” นายอิสระ กล่าว

สำหรับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าโครงการนั้น มองว่าในทางตรงยังไม่มีกลุ่มเสี่ยงแต่อย่างใด แต่ในทางอ้อมนั้นเชื่อว่าสถาบันการเงินจะมีความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อมากขึ้นอีก อันเนื่องมาจากรายได้ของลูกค้าที่ลดลง

ขณะเดียวกันด้านสุขอนามัยก็ได้มีการประสานไปยังเทศบาลในพื้นที่ในการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในบ้านของลูกค้า และบางโครงการ ส่วนลูกค้าที่อยู่ในระหว่างการผ่อนดาวน์ขณะนี้ยังไม่มีรายใดประสบปัญหา หรือหากมีปัญหาในการผ่อนชำระ บริษัทฯก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ

ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เพราะในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมามีการเปิดโครงการใหม่ แต่ยอดโอนกลับลดไป 20% เพราะสถาบันการเงินมีความเข้มงวดมากขึ้น ส่งผลต่อรายได้ในใตรมาส1/2563  ลดลงไป 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ประมาณ 700 กว่าล้านบาท  ทำให้ต้องปรับเป้ารายได้ทั้งปีลดลง 20% ขณะเดียวกันก็ต้องปรับแผนการก่อสร้างให้ลดลง เพื่อให้สอดคล้องไปกับรายได้ที่ลดลงด้วย

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*