ริสแลนด์ ประเทศไทย ประกาศพลิกวิกฤตปัจจัยลบรุมเร้าทั่วโลกเป็นโอกาส ผุด 4 โครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 30,400 ล้านบาท ประเดิมโครงการลักชัวรี ใจกลางอโศก “คลาวด์ เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 23” มูลค่ากว่า 3,600 ล้านบาท มั่นใจมีความแกร่งทางการเงิน จากฟิทช์ เรทติ้งส์ ระดับ AA พร้อมปรับกลยุทธ์เพิ่มขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์  ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จาก 7 ทั่วโลก เพิ่มขึ้น 50%
นายเนี่ย ซงเชียน  ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการขายและการตลาด ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2563 ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายๆด้าน ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจในระดับโลกจากสงครามการค้า ที่ส่งผลไปยังหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ค่าเงินบาทที่แข็งตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ COVID-19 ยังซ้ำเติมให้เศรฐกิจยิ่งซบเซา ซึ่งแม้สถานการณ์จะยากลำบากและมีอุปสรรคเพียงใด ที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ และในส่วนของบริษัทฯเองแม้จะหวั่นกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่ก็เดินหน้าในการพัฒนาธุรกิจต่อไป เพราะราคาที่ดินในช่วงนี้ราคาไม่สูงมาก เนื่องจากหลังมีการประกาศใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯ และปัจจัยลบหลายประการ ส่งผลให้เจ้าของที่ดินต้องการนำที่ดินออกขาย จึงถือเป็นจังหวะและโอกาสที่จะซื้อที่ดินในราคาที่เหมาะสม บริษัทฯจึงถือวิกฤตเป็นโอกาส

ดังนั้นในปี 2563 นี้ บริษัทฯจึงเตรียมแผนเปิดตัวใหม่ จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า  30,400 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และโครงการ Mixed use 2 โครงการ โดยมุ่งเน้นเปิดโครงการในทำเลที่มีศักยภาพ การคมนาคมสะดวกสบาย ในระดับราคาที่เอื้อมถึง ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการอย่างแท้จริง ได้แก่

1.โครงการคลาว เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 23 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ เป็นคอนโดฯสูง 43 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 29-99 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 5.99-40 ล้านบาท จำนวน 372 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 3,600 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 20-21 มีนาคม 2563 นี้


2.Sky Rise Avenue Sukhumvit64 ซึ่งเป็นที่ดินที่ซื้อมาเมื่อปี 2562ที่ผ่านมา ดิมเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวัฒนาบริหารธุรกิจ มีแผนพัฒนาเป็นคอนโดฯสูงกว่า 50 ชั้น จำนวน 7 อาคาร รวมประมาณ 3,000 ยูนิต  และมีอาคารสำนักงานและประมาณ 4 ชั้น  มูลค่าโครงการประมาณ 16,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ แต่มั่นใจว่าราคาที่เปิดขายจะถูกกว่าโครงการอื่นๆในย่านเดียวกันที่ขายราคาตั้งแต่ 150,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป ถึงประมาณ 20% คาดว่าจะตัวเปิดในไตรมาส 2/2563 นี้

3.The Livin Ramkhamhang เป็นคอนโดฯ จำนวน 1,938 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดตัวมาจากปี 2562 ที่ผ่านมา คาดว่าจะเปิดตัวได้ประมาณ ไตรมาส 3/2563 นี้

4.โครงการวิลล่า ลักชัวรี่ โฮเทล รีสอร์ท จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนการเปิดตัวมาจากปี 2562 ที่ผ่านมาเช่นกัน ตั้งอยู่บริเวณเกาะสิเหร่ บนพื้นที่มากกว่า 20 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของโรงแรม วิลล่า และคอนโดมิเนียม โดยเฟสแรก จะมีมูลค่าประมาณ 5,800 ล้านบาท  แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้


“บริษัทฯมีความมั่นใจในสถานะการเงินที่จะสามารถรองรับสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยได้นานพอจนสถานการณ์คลี่คลาย โดยได้รับอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ระดับ AA ซึ่งเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุดในกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นเครื่องตอกย้ำ” นายเนี่ย กล่าว

นายเนี่ย กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ปัจจุบันลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนจะหายไปเป็นจำนวนมาก บริษัทฯก็ได้มีการปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมาเน้นการขายผ่านระบบออนไลน์ผ่านสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนของพนักงานขายตามโครงการต่างๆรวมไปถึงลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ ก็จะมีการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา ริสแลนด์ ประเทศไทย เปิดตัวโครงการไป 2 โครงการ ได้แก่ คลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี ปัจจุบันปิดการขายไปได้แล้วกว่า 50% และโครงการ The LIVIN เพรชเกษม ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีผลตอบรับจากยอดจองจากการเปิดขาย Phase แรกที่มูลค่ารวม 750 ล้านบาท และสามารถขายไปได้มากถึง 700 ล้านบาท ทำให้ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 2 โครงการรวมกว่า 2,400 ล้านบาท

ปัจจุบัน ริสแลนด์ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ใน 7 ประเทศ รวม 15 โครงการ อาทิประเทศสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ อินเดีย อังกฤษ เวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศไทย รวมมูลค่าโครงการทั่วโลกประมาณ 100,000 ล้านบาท

โดยในปี 2563 นี้ ริสแลนด์ฯตั้งเป้ารายได้จากทั่วโลก เพิ่มขึ้น 50% ชูกลยุทธ์ ”Think Global, Act Local” ดำเนินงานภายใต้แนวคิด “Be the Change, Create the Future” กล้าที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะสร้างอนาคตด้วยการลองผิดลองถูก ล้มเร็วลุกเร็ว เรียนรู้จากอดีต และนำมาแก้ไข เพื่อพัฒนาอนาคต

ด้านนางสาวมณีกานต์ อิสรีย์โกศล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาดและสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในโซนสุขุมวิท  ที่มีมูลค่ามากกว่า 5 ล้านบาท มีการเปิดขายใหม่ปรับตัวลดลงจำนวน 8,795 ยูนิต จากปี 2561 ที่มีการเปิดขายอยู่ที่ 19,691 ยูนิต มียูนิตคงค้างลดลงจากปี 2561 ในอัตรา 3% และในปี 2563 นี้คาดการณ์ว่า ตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป จะมีสัดส่วนในตลาดอยู่ที่ 17% เท่ากับปีก่อน จึงสรุปได้ว่าภาพรวมตลาดคอนโดนิเนียมลักชัวรี ยังคงไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทำเลอโศก ที่ยังมีอัตราการดูดซับของตลาดกว่า 82% และมีโครงการใหม่ที่เข้ามาในตลาดน้อยลง ทำให้คอนโดฯในกลุ่มนี้มีการตอบรับที่ค่อนข้างดี

 

โดยพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ส่วนการซื้อเพื่อการลงทุนลดลงพอสมควร และในช่วง 1-2 ปีนี้กลุ่มนักลงทุนนักเก็งกำไรได้หายไปจากตลาดบางส่วน จากปัจจัยต่างๆ ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก และ นโยบายต่างๆของภาครัฐที่ส่งผลกระทบทางตรงกับลูกค้ากลุ่มนี้ และพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่มีอายุในช่วง 25-35 ปี ชอบและเลือกซื้อคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ที่มีการออกแบบที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของการทำงานและการใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมือง ส่งผลให้คอนโดมิเนียมลักชัวรี ในเขตกลางเมือง กลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย และ จากการท่องเที่ยวไทยที่มีการขยายตัวสูง ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ที่หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ในช่วง 3 ถึง 5 ปีที่ผ่านมา มียอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี ทำให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจและซื้อที่อยู่อาศัยในบ้านเราจำนวนไม่น้อย โดยมีเม็ดเงินต่อปีประมาณ 37,561 ล้านบาทในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่นับการซื้อเพื่อการลงทุน เก็งกำไร รวมถึงการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าในรูปแบบอื่นๆ ทำให้ศาสตร์ในการมองพฤติกรรมผู้บริโภคปรับเปลี่ยนตามบริบทของสังคมและกาลเวลามากขึ้นต้องประยุกต์หลายศาสตร์ และข้อมูลจำนวนมากเข้ามาเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน

 

“แม้ว่าในช่วงปีนี้จะมีวิกฤตไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ COVID-19 แต่ชาวต่างชาติบางส่วนก็เริ่มกลับมาซื้ออสังหาฯในประเทศไทยแล้ว อาทิ กลุ่มตะวันออกกลาง ที่ชื่นชอบที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี ขณะที่กลุ่มอินเดีย จะนิยมซื้อระดับไฮเอนด์ และจะซื้อเป็นกลุ่มคณะ ส่วนสิงคโปร์ จะชื่นชอบคอนโดฯระดับลักชัวรี เช่นกัน แต่ต้องผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)เสียก่อน จึงจะตัดสินใจซื้อ เป็นต้น”นางสาวมณีกานต์ กล่าวในที่สุด

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*