ตลาดโรงแรมระดับหรูในกรุงเทพมหานครเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากปัญหาภายในประเทศ อีกทั้งอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงหรือปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ผู้ประกอบการโรงแรมหลายรายเลือกที่จะพัฒนาโรงแรมในระดับรองลงไปจากระดับ หรู เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือรูปแบบการเลือกที่พัก

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า โรงแรมระดับหรูในกรุงเทพมหานคร ณ สิ้นปี 2562 มีทั้งหมดประมาณ 14,489 ห้องพัก โดยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ก่อนปี 2555 แต่หลังจากปี 2555 เป็นต้นมาถึงสิ้นปี 2562 ตลาดโรงแรมระดับหรูมีความตื่นตัวมากขึ้นมีโรงแรมเปิดให้บริการเฉลี่ยต่อปีประมาณ 815 ห้องพักต่อปีในขณะที่ช่วงเวลาระหว่างปี 2526 – 2554 มีโรงแรมระดับหรูเปิดให้บริการเพียง 237 ห้องต่อปีเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจกับการพัฒนาโครงการโรงแรมในระดับมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตลาดโรงแรมระดับหรูในอนาคตมีแนวโน้มขยายตัวลดลง เพราะ Sharing Economy System ทำให้เกิดโรงแรม และที่พักรูปแบบใหม่ๆซึ่งอยู่นอกระบบโรงแรมแบบที่เป็นมาในอดีต อีกทั้งกลุ่มของนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเองมีมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่นิยมพักในโรงแรมระดับหรูแต่เลือกพักในโรงแรมระดับรองลงไปที่ราคาย่อมเยากว่ามากนัก

ในช่วงก่อนหน้านี้ 20 กว่าปีพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นทำเลที่มีโรงแรมระดับหรูเปิดให้บริการเป็นจำนวนมากคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าทำเลอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิท และพื้นที่รอบสวนลุมพินีกลายเป็นพื้นที่ยอดนิยมของโรงแรมระดับ หรู มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นทำเลที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าเชื่อมต่อกับพื้นที่ต่างๆ ได้สะดวก อีกทั้งกลุ่มของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ากรุงเทพมหานครและเลือกพักโรงแรมในระดับนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นนักธุรกิจหรือนักลงทุนที่เข้ามาทำงานหรือติดต่อธุรกิจ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวทั่วไป โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทที่มีจำรนวนห้องพักในโรงแรมระดับหรูขยายตัวมากขึ้นแบบชัดเจน

อนาคตโรงแรมระดับหรูในพื้นที่รอบสวนลุมพินีจะมีมากขึ้นแบบชัดเจน เนื่องจากมีโครงการ Mixed-use ขนาดใหญ่หลายโครงการที่มีโรงแรมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นโรงแรมระดับหรูจึงมีผลให้สัดส่วนของโรงแรมระดับนี้ในพื้นที่รอบสวนลุมพินีมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมทุกระดับในกรุงเทพมหานครมากกว่า 35 ล้านคนต่อปีมาตั้งแต่ปี 2561 ต่อเนื่องมาถึงปี 2562 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เข้าพักโรงแรมในกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่ปี2554 เป็นต้นมา เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นเสมือนประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งเป็นเมืองเศรษฐกิจและเมืองศูนย์กลางในด้านต่างๆ ของประเทศไทยจึงเป็นธรรมดาที่จะมีทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพมหานคร และจำนวนของนักท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2563 ถ้าไม่เจอวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรน่าที่ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อใดซึ่งมีผลโดยตรงต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศจีนได้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับหรูในกรุงเทพมหานครไม่ได้สูงมากนัก เมื่อเทียบกับโรงแรมในระดับทั่วไป เนื่องจากค่าห้องพักที่สูงกว่า 50 – 100% หรือมากกว่านี้เมื่อเทียบกับที่พักราคาไม่แพงรูปแบบอื่นๆ ดังนั้น โรงแรมระดับหรูอาจจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางหรือที่พักหลักที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกใช้บริการ เนื่องจากว่าพวกเขาจะเลือกโรงแรมโดยพิจารณาเรื่องของทำเลที่ตั้งโรงแรมและความปลอดภัยมากกว่าเลือกเกรด หรือชื่อเสียงของโรงแรม

อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับหรูในกรุงเทพมหานครในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 76% โดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2561 หรือประมาณ 3% โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับหรูในกรุงเทพมหานครยังน้อยกว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมทุกระดับซึ่งในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 82% โดยโรงแรมในระดับราคาที่ต่ำกว่า หรู มีอัตราการเข้าพักสูงกว่าชัดเจนโดยเฉพาะโรงแรมในกลุ่มระดับกลาง หรือประมาณ 3 ดาวที่แม้จะมีจำนวนห้องพักมากกว่าโรงแรมในระดับหรู และ ระดับ 4 ดาวแต่อัตราการเข้าพักกลับสูงกว่า เนื่องจากค่าห้องพักต่ำกว่าชัดเจน

เรื่องของวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรน่าที่ยังไม่รู้ว่าจะมีจุดสิ้นสุดที่เดือนไหนสร้างผลกระทบให้กับโรงแรมต่างๆ ทั่วประเทศไปแล้ว โดยเฉพาะโรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเป็นหลัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ในช่วงต้นปี โรงแรมหลายแห่งโดนยกเลิกห้องพักและจำเป็นต้องให้พนักงานของตนเองพักงานหรือทำงานน้อยลงเพื่อที่จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งถ้าวิกฤตครั้งนี้ต่อเนื่องถึงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมคาดว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดโรงแรมและการท่องเที่ยวของประเทศไทย

กล่าวโดยสรุป ถึงทิศทางตลาดโรงแรมระดับหรูในกรุงเทพมหานครในอนาคต คือ

  • โรงแรมระดับหรูมีแนวโน้มการขยายตัวลดลงในอนาคต
  • พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเป็นทำเลยอดนิยมของโรงแรมระดับนี้
  • ค่าห้องพักของโรงแรมระดับนี้มีการปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
  • ปัจจัยหลายๆ อย่างจากภายนอกประเทศมีผลต่อตลาดโรงแรมในปี 2563
  • การพึ่งพานักท่องเทียวสัญชาติจีนเป็นหลักในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลเสียแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*