พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” และ “แกรนด์ แอสเสท” เผยแผนธุรกิจปี 2563 เดินหน้าตัดขายทรัพย์สินรวมมูลค่า 10,000 ล้านบาทหวังลดภาระหนี้ ตั้งเป้ายอดขายรวม 21,000 ล้านบาท โดยพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปีที่ผ่านมาโชว์กำไรสูงในรอบ 16 ปี ปีนี้ตั้งเป้าขาย 18,000 ล้านบาท เดินหน้าโครงการร่วมทุน เปิด 12 โครงการใหม่เน้นแนวราบ หันระบายสต็อกคอนโดฯแทนการเปิดตัวโครงการใหม่ ด้านแกรนด์ แอสเสทฯ วางเป้าขาย 3,000 ล้านบาท เตรียมพรีเซลส์วิลล่าหรูจังหวัดระยอง รวมมูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท 

วันนี้ (12 กุมภาพันธ์ 2563 ) ผู้บริหารของกลุ่มบริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF โดยนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ และ นางสาวศิริรัตน์ วงศ์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการเงิน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาววิลาวัณย์ เหลืองนาคทองดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND ร่วมกันแถลงถึงแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัท ประจำปี 2563

นายชายนิดเปิดเผยว่า ปี 2562 ที่ผ่านมาแม้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากหลายๆ ปัจจัย แต่บริษัทยังมีผลงประกอบการที่ดี โดยสามารถทำกำไรสูงสุดสร้างสถิติใหม่ในรอบ 16 ปี สำหรับแผนงานปี 263  ยังคงเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มบริษัท ทั้งการทำกำไรและการลดภาระหนี้ รวมทั้งรักษาอัตราการเติบโตทั้งจากการดำเนินงานปกติ และจากโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งมีแผนร่วมมือกันพัฒนาโครงการในระยะยาว กล่าวคือ การร่วมทุนกับ ฮ่องกงแลนด์ มีความร่วมมือในการพัฒนาโครงการ “เลค เลเจ้นด์” บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ เปิดตัวในปีนี้ 2 โครงการ มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท (ลบ.)

ส่วนความร่วมมือกับ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี นอกเหนือจากคอนโดมิเนียม ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาทแล้ว ในปีนี้ยังจะร่วมกันพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลราชพฤกษ์ตัดใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท

สำหรับการร่วมทุนกับ เซกิซุย เคมิคอล ปีที่ผ่านมามีการร่วมมือกันใน 4 ทำเล ปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 1 ทำเล คิดเป็นมูลค่ารวม 3,100 ล้านบาททั้งนี้ ภาพรวมการร่วมทุนของกลุ่มบริษัทขณะนี้มีมูลค่าทั้งสิ้น 26,500 ล้านบาท เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทฯ นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมาบริษัทยังประสบความสำเร็จจากโครงการ “ยู คิโรโระ” คอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีรายได้เข้ามา 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้ว 2,600 ล้านบาท หรือ 70% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด  และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง สามารถโอนกรรมสิทธิ์ปิดโครงการได้ภายในปีนี้ ทั้งนี้คาดว่าในอีก 3-4ปี โครงการรวมทุนจะสร้างรายได้ 4,000-5,000 ล้านบาท

นายชายนิด ยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มบริษัทฯมีแผนที่จะลดภาระหนี้และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนจาก 1.7 เท่าให้เหลือไม่เกิน 1.2-1.5 เท่า ด้วยการตัดขายที่ดิน และทรัพย์สิน หรือขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทในเครือให้ได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท เช่น ที่ดินย่านรัชดาภิเษก 23 ไร่  2,500 ล้านบาท , ที่ดินย่านรามอินทรา 60 ไร่มูลค่า 2,500 ล้านบาท  ,ที่ดินประมาณ 50 ไร่ย่านแจ้งวัฒนะ 500 ล้านบาท  ซึ่งเดิมบริษัทฯมีแผนที่จะนำมาพัฒนาโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงมีแผนที่จะขายหุ้นใน รอยัลออคิด ฯ ที่แกรนด์ แอสเสท ฯ ถืออยู่ออกไปในสัดส่วน 40 % มูลค่า 6,000 ล้านบาท เป็นต้น โดยปัจจุบันมีภาระหนี้อยู่ประมาณ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ธนาคารประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท หนี้หุ้นกู้ 17,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นหนี้การค้า 

ด้านนายวงศกรณ์ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงแผนการดำเนินงานของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ว่า ในปี 2563 วางเป้าขายไว้ที่ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • โครงการแนวราบ 10,000 ล้านบาท
  •  โครงการร่วมทุน 1,500 ล้านบาท
  • คอนโดมิเนียมในประเทศ 4,500 ล้านบาท
  • และคอนโดมิเนียมประเทศญี่ปุ่น 2,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 18,560  ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

  • บ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่า 17,110  ล้านบาท
  • ทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ มูลค่า 1,450 ล้านบาท

โครงการเปิดตัวใหม่จะเป็นแนวราบทั้งหมด ซึ่งเป็นตลาดที่ยังเติบโต โดยบริษัทไม่มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ เนื่องจากปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัว ทำให้ยังมีซัพพลายเหลืออยู่มาก บริษัทยังมีการพัฒนาสินค้าให้รองรับกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น มีการพัฒนาบ้าน “ป้องกันฝุ่น PM2.5” ซึ่งเชื่อว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 จะเป็นปัญหาที่ต่อเนื่อง โดยนอกจากการนำเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นมาใช้กับบ้านในโครงการร่วมทุนกับ เซกิซุย เคมิคอล แล้ว ยังร่วมกับ เอสซีจี เป็นรายแรกในการพัฒนาระบบกรองอากาศป้องกันฝุ่น PM2.5 ทำงานร่วมกับระบบระบายอากาศ ติดตั้งในโครงการบ้านเดี่ยวทุกแบรนด์ ทุกระดับราคาบริษัทยังร่วมมือกับ ไดกิ้น ในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศกรองฝุ่น PM2.5 ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ, เลค เลเจ้นด์, เพอร์เฟค เพลส และ เพอร์เฟค พาร์ค  ปีนี้ยังต่อยอดในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่ 5,000 ต้นในโครงการต่างๆ การติดตั้งแผงโซล่าร์ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้พลังงานสะอาดในสำนักงานและคลับเฮ้าส์  รวมทั้ง ยังมีการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ รวม 26 แบบในทุกระดับราคา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และช่วยผลักดันยอดขายโครงการแนวราบอีกทางหนึ่ง

“สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว คอนโดฯอยู่ในภาวะล้นตลาดแบบนี้ ปีนี้คงไม่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ เราจะเน้นขายของเก่าที่อยู่ทั้งที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่มีอยู่กว่า 6,800 ล้านบาท”นายวงศกรณ์

ด้านแผนการดำเนินงานของ แกรนด์ แอสเสทฯ นายวิทวัส  เปิดเผยว่า ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ วางเป้าขายไว้ 3,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 2,500 ล้านบาท และ โครงการวิลล่าในจังหวัดระยอง 500 ล้านบาท ซึ่งกำหนดพรีเซลส์เฟสแรก บนพื้นที่กว่า  36 ไร่ (จากทั้งหมด  100 ไร่)ในช่วงไตรมาส 2 เป็นวิลล่าหรู 103 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,307 ล้านบาท  กลุ่มเป้าหมายจะเป็นตลาดทั้งในและต่างประเทศ รองรับการเติบโตของระยองที่จะเกิดขึ้น ทั้งจากเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา

โครงการวิลล่าในจังหวัดระยอง  วิลล่าหรูพร้อมบริการระดับโรงแรมห้าดาว กำหนดพรีเซลส์เฟสแรกไตรมาส 2

ด้านธุรกิจโรงแรม ปีที่ผ่านมาได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ทำให้รายได้โรงแรมเติบโตจากการท่องเที่ยวภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น  ปีที่ผ่านมายังเปิดดำเนินการโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิท เต็มปี ทำให้รายได้ในปี 2562 เติบโตถึง 47.7% ในขณะที่ไตรมาสแรกของปีนี้ สถานการณ์ไวรัสระบาดมีผลกระทบอย่างมากกับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะโรงแรมที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นชาวจีนและธุรกิจไมซ์ บวกกับปีนี้บริษัทมีแผนปรับปรุงโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน  ส่งผลให้ประมาณการรายได้ปีนี้ลดลง คาดว่าธุรกิจโรงแรมภายในประเทศปีนี้จะมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท หรือลดลง 22.1% เมื่อเทียบกับปี 2562

สำหรับรายได้ในปีนี้ นางสาวศิริรัตน์ เปิดเผยว่า รายได้รวมของกลุ่มบริษัทยังคงมีอัตราเติบโต โดยประมาณการรายได้รวมไว้ที่ 22,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 16,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 15,400 ล้านบาท รวมโครงการในประเทศญี่ปุ่น  และเป็นของ แกรนด์ แอสเสทฯ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ จะมีรายได้จากธุรกิจโรงแรม 3,300 ล้านบาท เป็นโรงแรมในประเทศ 2,000 ล้านบาท โรงแรมในญี่ปุ่น 1,300 ล้านบาท อีกทั้งยังจะมีรายได้จากการขายที่ดินและการลงทุน 2,000 ล้านบาท และธุรกิจให้เช่า 300 ล้านบาท

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*