วาย แอล พีฯ ประกาศรุกโครงการอสังหาฯ ต่อเนื่อง เผยสนใจผุดอาคารสำนักงาน, คอนโดฯ อารมณ์บ้านเดี่ยว ในอนาคต ด้าน “วินด์เชลล์ นราธิวาส”หลังเปิดขาย 3 ปี ยอดขายแตะ 40% เดินหน้ารุกขยายตลาดต่างชาติเพิ่มสัดส่วน 30% ตั้งเป้าปิดขายภายในไตรมาส 1/64
นายโชติพล เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท วาย แอล พี จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมาหลังจากที่บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ขายหุ้นบริษัท วาย แอล พี จำกัด (YLP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้กับบริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ BROOK และบริษัท เอ็มซีแอล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในราคา 348.56 ล้านบาท เพื่อเป็นการนำเงินไปชำระหนี้ แต่การพัฒนาโครงการ “วินด์เชลล์ นราธิวาส” ซึ่งเป็นการพัฒนาโดย YPL มาตั้งแต่แรกนั้น จึงไม่เกี่ยวข้องกับ PACE อีกต่อไปแต่อย่างใด
นายโชติพล
ด้านทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเน้นโครงการที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ผู้บริโภคในกทม. หรือแต่ละเมืองที่เข้าไปพัฒนาเป็นหลัก โดยไม่เจาะจงที่จะเป็นโครงการระดับไฮเอนด์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลในการพัฒนาโครงการในรูปแบบอาคารสำนักงาน และคอนโดฯที่ให้อารมณ์ในการอยู่อาศัยเหมือนบ้านเดี่ยวเช่นเดียวกับโครงการ “วินด์เชลล์ นราธิวาส” ด้วยเช่นกัน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ว่าจะเริ่มดำเนินการได้เมื่อใด
สำหรับโครงการ “วินด์เชลล์ นราธิวาส” ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 2 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม สูง 28 ชั้น (เทียบเท่าอาคารสูงกว่า 40 ชั้น) ขนาดตั้งแต่ 453-1,015 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 78-96 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 180,000 บาท/ตารางเมตร จำนวนทั้งสิ้น 36 ยูนิต (ชั้นละ 2 ยูนิต) รวมมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยได้เปิดขายโครงการดังกล่าวเมื่อประมาณปี 2560 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 40% หรือประมาณ 15 ยูนิต ซึ่งอยู่ในระหว่างทยอยโอนไปแล้วประมาณ 5 ยูนิต โดยลูกค้าที่ซื้อเป็นคนไทยทั้งหมด โดยหลังจากนี้จะเริ่มรุกเจาะลูกค้าต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยหวังสัดส่วนเพียง 30% จากลูกค้าทั้งหมด คาดว่าจำนวนยูนิตที่เหลือจะสามารถปิดการขายได้ภายในไตรมาส 1/2564 ด้านการก่อสร้างขณะนี้แล้วเสร็จ 100%
“ซัพพลายและดีมานด์ ในย่านถนนนราธิวาสฯ นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งดีมานด์ของ “วินด์เชลล์ นราธิวาส” นั้นถือว่าเป็นดีมานด์กลุ่มใหม่ เพราะรูปแบบโครงการถือเป็น New Supply ที่ไม่เคยมีผู้ประกอบการรายใดพัฒนา จึงมั่นใจว่าลูกค้าที่ซื้อโครงการจะเป็นเรียลดีมานด์ 100%” นายโชติพล กล่าวในที่สุด
