แสนสิริ
ผู้นำของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ใส่ใจดำเนินธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง สานต่อ Sansiri Green Mission จัดแคมเปญ Sansiri Tree Day ปลูก “หนึ่ง” ให้ถึง “แสน” ชวนชาวแสนสิริและคนไทยรวมพลังปลูกต้นไม้เพียงคนละต้นภายในบ้านหรือพื้นที่รอบตัว ตั้งเป้ารณรงค์ 1 แสนต้น ช่วยฟอกอากาศ-ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าป่า 250 ไร่ ชี้กรุงเทพฯติดอันดับ 9 เมืองหลวงที่มีสภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในโลกและมีพื้นที่สีเขียวน้อยที่สุดในเอเชีย เราทุกคนต้องช่วยกัน…พร้อมเตรียมกระหน่ำ Online Activation สานวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติจริงผ่านภารกิจเพิ่มพื้นที่สีเขียวของ #ทีมบ้าน และ #ทีมคอนโด พร้อมระดมลูกบ้านกว่า 5,000 ครอบครัว ปลูกกล้าไม้บนพื้นที่ส่วนกลางใน 70 โครงการแสนสิริที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ดูแล ทรีเดย์วันที่ 26 มกราคมนี้!              คาดประสบความสำเร็จตามเป้า หากทุกคนลงมือทำจริง สร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) มุ่งมั่นสร้างความเป็นเลิศสู่ความยั่งยืนและหนุนกระบวนการดำเนินธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังผ่านการสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของวงการอสังหาฯไทยอย่างเป็นรูปธรรมผ่านพันธกิจ Sansiri Green Mission ภายใต้ 4 คำมั่นสัญญาหลัก ได้แก่ Waste Management | Energy Saving & Generation | Smart Move และ Sustainability กับกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมมากมายที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์สู่โลกได้ถึง 2,120 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกป่าถึง 1,700 ไร่ ยกตัวอย่างเช่น ประกาศไม่ใช่ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในองค์กรในปี 2019 ทำให้ลดขยะจากขวดน้ำพลาสติกได้ถึง 900,000 ขวดต่อปี, Sansiri Tree Story ที่เราเก็บ-เลือก-ปลูก-รักษาต้นไม้เพื่อส่งมอบคุณค่าให้อยู่ตลอดไป และ Sansiri Backyard คอมมูนิตี้สีเขียวเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนที่เรามุ่งมั่นจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวในบ้านของตนเองและขยายต่อสู่ชุมชน

“ปีนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษทางอากาศของไทยวิกฤติมาก โดยองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมได้ระบุว่า กรุงเทพมหานครติดอันดับ 9 ของการจัดอันดับ 10 เมืองหลวงที่มีสภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในโลก ตลอดจนดิ อิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต เผยผลวิจัยว่า การลดลงของพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ของเอเชียจะอยู่ในระดับวิกฤติหากไม่มีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวมากขึ้น โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่า เมืองหลวงควรมีพื้นที่สีเขียวไม่ต่ำกว่า 10 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน แต่ในขณะที่กรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวเพียง 3 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คนเท่านั้น ส่งผลให้กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงที่มีพื้นที่สีเขียวน้อยที่สุดในเอเชีย ซึ่งการลดลงอย่างน่าใจหายของพื้นที่สีเขียวของกรุงเทพฯส่งผลโดยตรงต่อปัญหามลพิษทางอากาศที่เรากำลังเผชิญในขณะนี้ เพราะพื้นที่สีเขียวถือเป็นปอดของเมืองใหญ่ที่ช่วยฟอกอากาศ ต้นไม้ 1 ต้นสามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์และช่วยฟอกอากศได้ถึง 10 กิโลกรัมต่อปี”

ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ปัญหาเฉพาะบุคคล แต่เป็นปัญหาที่ทุกคนควรงร่วมมือร่วมใจแก้ไขเพื่อเปลี่ยนโลกของเราให้เป็นโลกที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ภาครัฐหรือแสนสิริเพียงองค์กรเดียวไม่สามารถทำได้ ถึงเวลาแล้วที่ครอบครัวแสนสิริและเราคนไทยทุกชีวิตต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ร่วมปลูก “หนึ่ง” ให้ถึง “แสน” ซึ่งต้นไม้ 1 แสนต้นจะสามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยมากถึง 1 พันตัน/ปี[1] หรือเทียบเท่ากับป่า 250 ไร่ แต่ถ้าหากถึง 1 ล้านต้น จะเทียบเท่ากับการสร้างผืนป่ามากถึง 2,500 ไร่ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมครั้งยิ่งใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้เริ่มต้นที่ตัวเรา

นายอุทัย กล่าวต่อว่า  Sansiri Tree Day เป็นแคมเปญรักษ์โลกใหม่ล่าสุดของแสนสิริ ที่จะจัดขึ้นในทุกอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมกราคม โดยเริ่มปีนี้เป็นปีแรก กับเป้าหมายรณรงค์ชวนชาวแสนสิริและคนไทย ปลูก “หนึ่ง” ให้ถึง “แสน” ในภารกิจเพิ่มพื้นที่สีเขียวของ #ทีมบ้าน และ #ทีมคอนโด พร้อมเชิญชวนลูกบ้านกว่า 5,000 ครอบครัว ลงกล้าไม้บนพื้นที่ส่วนกลางใน 70 โครงการของแสนสิริที่พลัสฯดูแล พร้อมกันในวันที่ 26 มกราคมนี้

Sansiri Tree Day ปลูก “หนึ่ง” ให้ถึง “แสน” แคมเปญรักษ์โลกประจำปีใหม่ล่าสุดของแสนสิริ ที่สานต่อพันธกิจ Sansiri Green Mission มุ่งกระตุ้นชาวแสนสิริและคนไทยร่วมปลูกต้นไม้คนละต้นในบ้านหรือพื้นที่รอบตัว กับเป้าหมายรณรงค์สูงสุด 1 แสนต้น หรือเทียบเท่าการปลูกป่า 250 ไร่ ในทุก ๆ ปี

“ด้วยกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นใน 70 โครงการของแสนสิริที่พลัสฯดูแล และ Online Activation ที่จะโหมกระหน่ำภารกิจเพิ่มพื้นที่สีเขียวของ #ทีมบ้าน และ #ทีมคอนโด เราเชื่อมั่นว่า แคมเปญนี้จะประสบความสำเร็จตามเป้ารณรงค์ 1 แสนต้น และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดอุณหภูมิโลกและบรรเทาวิกฤตฝุ่นควัน หากทุกคนร่วมมือกันสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา” นายอุทัย กล่าวสรุป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*