ไนท์แฟรงค์ ฯ ชี้ค่าเงินบาทแข็งดึงดูดคนไทยแห่ลงทุนอสังหาฯ ในลอนดอน พบความต้องการเพิ่มขึ้นอยู่ประมาณ 80 %

 

มร.แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด  เปิดเผยว่า ปัญหาทางการเมืองภายในสหราชอาณาจักรใกล้สิ้นสุดลงหลังการเซ็นต์สัญญาข้อตกลงการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มกราคม ปี 2563 สิ่งที่ตามมาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอนคือผลกระทบต่อภาคการเงินของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศ เนื่องมาจากสหราชอาณาจักรจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลจากการถอนตัวเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป

“ช่วงระยะเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไทยที่ต้องการลงทุนอสังหาฯในสหราชอาณาจักรหรือลอนดอน ไม่ว่าจะเป็นทั้งการลงทุนเพื่อเก็งกำไรหรือเพื่อใช้อยู่อาศัยเอง เพราะเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้น ซึ่งแข็งค่ามากกว่าค่าเงินอื่นในหลายๆ ภูมิภาค ณ เวลานี้ โดยมีอัตราแข็งค่าสูงสุดในรอบ 6 ปี ในขณะเดียวกันมูลค่าอสังหาฯ ก็ราคาถูกลงและผู้ซื้อเองก็สามารถต่อรองข้อเสนอได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย”

จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ พบว่า ในช่วงหนึ่งปีจนถึงเดือนกันยายน 2562 ราคาขายเฉลี่ยในย่านไพร์มใจกลางลอนดอนปรับลดลง 3.9 %  เป็นการลดต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน ในขณะที่ย่านไพร์มรอบนอกลอนดอนปรับลดลง 3.5 % ซึ่งปรับลดลงต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561

อย่างไรก็ตาม สัญญาณความไม่แน่นอนยังมีอยู่ในตลาด การเติบโตของราคาที่อยู่อาศัยโดยเฉลี่ยทั่วสหราชอาณาจักรยังคงทรงตัว มีการปรับเพิ่มขึ้น 1.3 % จนถึงเดือนกันยายน 2562 เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตต่อปีที่ 7.5 % ก่อนการลงประชามติเบร็กซิต (Brexit)

 

มร.ข่าน กล่าวเพิ่มว่า ในปี 2561 – 2562 นักลงทุนไทยมีอัตราการซื้ออสังหาฯในลอนดอนสูงสุด ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการลงทุน เนื่องจากปัจจัยหลักข้างต้นที่ดึงดูดผู้ซื้อชาวไทยรวมไปถึงกลุ่มผู้ซื้อจากสิงคโปร์และฮ่องกงที่กำลังรอจังหวะในการลงทุนในสหราชอาณาจักรและลอนดอน หากมองย้อนกลับไปในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมาตอนเบร็กซิตเพิ่งเริ่มเกิดขึ้น ความต้องการอสังหาฯ ในสหราชอาณาจักรของกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยเพิ่มขึ้นอยู่ประมาณ 40 – 50 % หากเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า แต่หลังค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นความต้องการเพิ่มสูงถึง 80  % 

ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหราชอาณาจักรทำให้จำนวนผู้ซื้อชาวไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในทำเลไพร์ม อย่างเช่น เคนซิงตัน (Kensington), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), ฮอลแลนด์ พาร์ค (Holland Park), เบลกราเวีย (Belgravia) และ แฮร์รอดส์ (Harrods) โดย 60 % ซื้อไว้เพื่อให้ลูกหลานที่มาศึกษาต่อ และอีก 30 – 40 %ซื้อไว้เพื่อการลงทุนเก็งกำไร ซึ่งลดลงจากช่วง 5 ปีก่อน ที่ 90 % ซื้อไว้เพื่อการศึกษาของลูกหลาน ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่านักศึกษาต่างชาติเป็นส่วนสำคัญของตลาดอสังหาฯ

นอกจากนี้ความต้องการเช่ายังคงมีมากกว่าอุปทานในตลาดและผลักดันราคาอสังหาฯในพื้นที่ดังกล่าว เพราะผู้อยู่อาศัยจำนวนมากหันมาเช่ากันมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะในแฮมเมอร์สมิธ (Hammersmith) ที่มีค่าเช่าระหว่าง 900 – 950 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3 – 5 % ทุกๆปี และมีอัตราผลตอบแทนจากค่าเช่าสุทธิ 2.8 – 2.9 % ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.2 – 1.3 ล้านปอนด์สำหรับ  2 ห้องนอน และราคา 1.5 – 1.6 ล้านปอนด์สำหรับ 3 ห้องนอน บริเวณนี้ถือเป็นย่านที่มีราคาไม่แพงมากนักสำหรับการอยู่อาศัย หากเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง และตั้งอยู่ใกล้กับใจกลางลอนดอน ซึ่งห่างเพียงไม่กี่สถานี

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*