เอพี รุกหนักตลาดคอนโดฯปี2563 ชู 3 กลยุทธ์ผ่านแนวคิด ‘Dynamic Personalized Model’ พร้อมเดินหน้าผนึก “มิตซูบิชิ เอสเตท”ผุดโครงการ ริธึ่ม เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน มูลค่ากว่า 4,700 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 2565

 นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (AP) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียมในปี 2563 ว่า ถือเป็นปีแห่งความท้าทายที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่จะเลือก “ทำเล” และ “ราคา” ให้มีความเหมาะสมกับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อให้ตรงต่อความต้องการและขีดความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคในมุมของเอพีนั้น มองว่าระดับ“ราคา”ขายมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยระดับราคาที่เหมาะสมในปี 2563 คือไม่เกิน180,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.)

ด้วยเหตผลดังกล่าวบริษัทฯได้ปรับแผนธุรกิจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 2020 ให้สอดคล้องกับแนวคิดใหม่กับDynamic Personalized Model’ โมเดลการออกแบบและพัฒนา คอนโดมิเนียมที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบและคอนเซ็ปต์ดีไซน์ตามลิฟวิ่งแพทเทิร์น (Living Pattern) รูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของผู้อยู่อาศัย โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการเพื่อให้ได้ คอนซูเมอร์ อินไซต์ (Consumer Insight) ที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละโครงการ โดยการผนวก ‘เทรนด์การใช้ชีวิตยุคใหม่’ เข้ากับ ‘กระบวนการคิดเชิงออกแบบ’ ทำให้สามารถส่งมอบผลลัพธ์การพัฒนาคอนโดยุคใหม่ภายใต้ 3 คีย์สำคัญ‘เข้าใจ – โดนใจ – มั่นใจ’ เพื่อช่วงชิงการเป็นหนึ่งในใจผู้บริโภค (Top of Mind) ดังนี้

(1) เข้าใจ (Understand) – ต้องมองลูกค้าให้ชัด ศึกษาให้ลึกแบบเจาะจง เพื่อทราบว่าลูกค้าคือใครและมีรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างไร ที่จะนำมาสู่การพัฒนาคอนโดที่ (2)โดนใจ (Suit) – ตอบโจทย์มากกว่าแค่ฟังก์ชั่น แต่ตอบโจทย์ทั้งคาแรคเตอร์และไลฟ์สไตล์ เสมือนว่าทุกตารางนิ้วถูกสั่งทำพิเศษเฉพาะคน ซึ่งจะนำไปสู่ (3) ความมั่นใจ (Trust) ที่ลูกค้ามีต่อองค์กรว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าได้ตามที่สัญญาไว้

โครงการ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน เป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกของบริษัทฯที่พัฒนาภายใต้แนวคิดใหม่‘Dynamic Personalized Model’ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัท และ มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ มูลค่ากว่า 4,700 ล้านบาท พัฒนาเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 44 ชั้น 1 อาคาร และอาคารพาวิลเลี่ยน 1 อาคารสูง 1 ชั้นและ 2 ชั้นใต้ดิน  รวมจำนวน 421 ยูนิต จำนวนที่จอดรถ 421 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)มีห้องชุดพักอาศัยให้เลือก 4 แบบ คือ

  • แบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่ม 35-43.5 ตร.ม.
  • แบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย เริ่ม 75.5-128.5 ตร.ม.
  • แบบ 3 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอยเริ่ม 134-159 ตร.ม.
  • และแบบ 4 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอยเริ่ม 184-228 ตร.ม.

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้เริ่มเปิดขายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 มียอดขายแล้วประมาณ 40% ระดับราคาขายเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 155,000 บาทต่อตร.ม.(สำหรับห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม.) โครงการจะเริ่มก่อสร้างในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2563 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 4 ปี 2565 คาส่วนกลาง 50 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน ค่าสาธารณูปโภค 500 บาทต่อตร.ม.

นายวิทการ ยังกล่าวด้วยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมเส้นถนนเจริญกรุง (ติดถนนใหญ่) จากข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี พบว่ามีคอนโดมิเนียมติดถนนใหญ่ในเส้นเจริญกรุง จำนวน 4 โครงการ รวม 1,120 ยูนิต แบ่งเป็น

กลุ่มอัลตร้าลักชัวรี่ ระดับราคา 300,000 บาทต่อตร.ม.จำนวน 1 โครงการ จำนวน 355 ยูนิต มียอดขายรวม 80%

กลุ่มลักชัวรี่ ระดับราคา 150,000-190,000 บาทต่อตร.ม. จำนวน 3 โครงการ จำนวน 765 ยูนิต มียอดขายรวม 94%

จากข้อมูลยังพบว่าทำเลดังกล่าวยังซื้อเพื่ออยู่อาศัยและซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าระยะยาว 6-7%

ข้อมูลเพิ่มเติม : ผลการศึกษาโดย เอพี ดีไซน์ แล็บ พบว่าหนึ่งในแนวโน้มการอยู่อาศัยยุคใหม่ของคนเมืองในกรุงเทพมหานคร ที่สอดคล้องกับ Mega Trend ด้านการอยู่อาศัยที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ คือ การอยู่อาศัยในรูปแบบของคอมมิวนิตี้ของคนเฉพาะกลุ่ม (Community Living Trend) ที่ทุกคนมีแนวคิด ทัศนคติ ตลอดจนไลฟ์สไตล์ ที่มีรูปแบบเฉพาะตัวที่ใกล้เคียงกันโดยสามารถแบ่งรูปแบบการอยู่อาศัยยุคใหม่ (Living Patterns) ออกเป็น 6 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย

  1. SERENITY SERIES กลุ่มคนเมืองที่หลีกหนีการใช้ชีวิตที่วุ่นวาย มีโลกส่วนตัวสูง ต้องการใช้เวลากับตัวเองเป็นหลัก ต้องการพื้นที่ที่รองรับกิจกรรมเพื่อการผ่อนคลาย
  2. WELLNESS SERIES กลุ่มคนเมืองที่ให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพที่ดี เปรียบสุขภาพเป็นเสมือนเครื่องหมายระบุสถานะทางสังคม ต้องการพื้นที่ที่รองรับการออกกำลังกาย และการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง
  3. EXPERIENCE SERIES กลุ่มคนเมืองที่มองหาความแตกต่างหลากหลาย ชอบเพิ่มสีสันให้ชีวิต ต้องการพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนได้ พร้อมรองรับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันเทรนด์ใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา
  4. NATURALITY SERIES กลุ่มคนเมืองที่มีการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ชื่นชอบบรรยากาศร่มรื่น ต้องการพื้นที่ที่อาศัยร่วมกับธรรมชาติในเมืองได้
  5. CO-GENERATIONS SERIES กลุ่มคนเมืองที่อาศัยร่วมกันหลายเจนเนอเรชั่น เช่น กลุ่มครอบครัว (พ่อแม่เป็นกลุ่ม Gen X ในขณะที่ลูกเป็นกลุ่ม Alpha) และกลุ่มคนโสด (Gen Y) ที่ต้องการพื้นที่ส่วนกลางที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและพัฒนาการของเด็ก ในขณะที่มีพื้นที่ที่ให้ความเงียบ และความเป็นส่วนตัวรองรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่
  6. CO-CREATION SERIES กลุ่มคนเมืองที่มองหาพื้นที่ที่สาม เพื่อใช้ประชุม หรือส่งเสริมการเรียนรู้ของตนเอง ช่วยให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น โดยมี Co-working Space, WIFI และสเตชั่นเครื่องดื่มเป็นฟังก์ชั่นตัวเลือก

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*