RICHYแก้เกมลูกค้าทิ้งโอนคอนโดมิเนียมยืดเวลาผ่อนให้ลูกค้า3-9เดือนสู้พิษLTV แบงก์เข้มปล่อยกู้หวังดึงลูกค้ากลุ่มนี้กลับมาได้สัก 10-15 %หลังยอดปฎิเสธสินเชื่อลุกค้าริชี่้เพลซฯโดยรวมสูงถึง 50%

 

​ นับตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ออกมาตรการคุมเข้มสินเชื่อ (LTV) เพื่อควบคมปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ได้ส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ทันที อีกทั้งภาคธุรกิจยังถูกซ้ำเติมจากปัจจัยลบภายนอกสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน จึงทำให้ยอดการขายที่อยู่อาศัยรวมถึงการโอนกรรมสิทธ์ชะลอตัว พร้อมกับเสียงบ่นจากฝากฝั่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ถึงยอดการขายลดฮวบ ยอดลูกค้าถูกปฎิเสธเสินเชื่อ(Reject )จากธนาคารพุ่งกว่า 40-50 % หรือบางรายพุ่งสูงกว่านั้นทำให้ต้องหาทางแก้เกมกันด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายวิธี

ดร.อาภา  อรรถบูรณ์วงศ์

” เราต้องช่วยเหลือตัวเอง หาทางกู้ลูกค้าคืนมาให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ ยอดปฎิเสธสินเชื่อริชี่้เพลซฯโดยรวมสูงถึง 50%”ดร.อาภา  อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริษัท ริชี่ เพลส 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY กล่าวเนื่องจากะปท.ออกเกณฑ์ LTV มีการกำหนดนิยามเกี่ยวกับการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในแต่ละสัญญาที่ลดลง ทำให้ลูกค้าจะไม่สามารถจะหาเงินจำนวนมากมาสมทบได้ทันเพื่อโอนห้องชุด ทำให้ตัวเลขยอดโอนกว่า 40-50 % โดยห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมที่มีระดับราคาขายตั้งแต่ 3-4 ล้านบาท เช่น โครงการเดอะริซ สาทร ตามสิน ราคา 4 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะอยู่ในนิยามของสัญญาที่ 2 และ 3 ที่วงเงินการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารจะอยู่ที่ 80 และ 70 % (ตามลำดับ )ส่งผลให้ลูกค้าบางส่วนต้องตัดใจทิ้งเงินจอง ทิ้งดาวน์ ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว ก็ส่งผลกระทบต่อเป้ารายได้ของบริษัทฯด้วยเชนกัน ทำให้เป้ารายได้หายไป กว่า 1,000 ล้านบาท  โดยคาดว่าในปีนี้รายได้น่าจะอยุ่ที่ 1,400 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดจากเป้าที่คาดว่าจะได้ทั้งปีที่ 2,700 ล้านบาท

ด้วยเหตนี้ บริษัทฯต้องแก่ไขปัญหา ลูกค้าทิ้งดาวนื ลูกค้าทื้งจอง และความเข้มงวดของการปล่อยกู้ธนาคาร  มีการกำหนดเงื่อนไขต้องทำงานเกิน 6 เดือน หรือถ้ากำลังเปลี่ยนงาน ถ้าพึ่งผ่านการทำงานมาได้ 3 เดือน ทางธนาคารก็ต้องการที่จะให้จำนวนเดือนทำงานเพิ่มขึ้นอีก เพราะถือว่ายังเป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่  ซึ่งวิธีการที่บริษัทฯทำ คือ หากลูกค้ายื่นกู้ขอสินเชื่อแล้วไม่ผ่าน ทางโครงการจะให้ลูกค้ามาผ่อนดาวน์เพิ่มเติมกับโครงการรแทนการโอนห้องชุดออกไปอีกระยะเวลา 3-9 เดือน และต้องทำสัญญากับลูกค้าเพิมเติมภายใต้เงื่อนไชใหม่ดังกล่าว ซึ่งก็แล้วแต่กรณีของลูกค้าซึ่งบริษัทฯก็จะพิจารณาเป็นรายๆไป

“วิธีนี้เราเพิ่งใช้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็เป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุด ที่เราทำได้ นอกจากลดเรื่องยอดรีเจกต์เรตแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นมาตรการต่อจากรัฐ  ลดอุปสรรนทางออกที่ดีที่สุด แม้จะกระทบต่อรายได้ และต้องแบกภาระดอกเบี้ยเพิ่ม ก็ยังดีหากดึงลูกค้ากลุ่มนี้กลับมาได้สัก 10-15 % ก็จะส่งผลดีต่อตัวเลขรายได้ที่อาจจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 นี้และต่อเนื่องถึงปีหน้า”

ทั้งนี้ในปี 2563 ตั้งเป้ารายได้จะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท มียอดขายรอโอน3,800 ล้านบาท มีสินค้าสร้างเสร็จ พร้อมขาย หร้อทโอน อยู่กว่า 3,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 700  ยูนิต ซึ่งกว่า 50% เป็นสินค้าต่ำกว่าราคา 3 ล้านบาท ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่นั้นในปี 2563 วางเป้าหมายที่จะเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาท  เป็นกลุ่มของโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการมูลค่า 5,300 ล้านบาท และส่วนของเฟสต่อเนื่องในโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการมูลค่าไม่เกิน 250 ล้านบาท

ล่าสุดในไตรมาส 4 ปี 2562 เปิดโครงการริช พอยท์ @ บีทีเอส วิฒากาศ ติดสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศ จำนวน 792 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 85,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) หรือราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท  มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จะมีการเปิดพรีเซล ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ที่โรงแรม AVANI โดยมอบราคาส่วนลดประมาณ 3 แสนบาทขึ้นอยู่กับขนาดของห้องชุด ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 50%

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*