มั่นคงเคหะการฯเปิดแผนปี63 เดินหน้าผุด 8 โครงการ รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท ล่าสุดย้ายสำนักงานแห่งใหม่ บนที่ดินตระกูลบุนนาค เช่าระยะยาว 35 ปี ใช้งบก่อสร้าง 150 ล้านบาท สนนำพื้นที่สำนักงานเปิด Wellness Center รองรับเทรนด์สังคมผู้สูงวัย  ตั้งเป้าปีหน้าสัดส่วนรายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย-เพื่อเช่าที่แตะ 50:50

 

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯจะอยู่ในภาวะชะลอตัวจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและความเข้มงวดของการอนุมัติสินเชื่อจากสถานบันการเงิน ทำให้การขายที่อยู่อาศัยเกิดการชะลอตัวขึ้น ซึ่งบริษัทฯก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เคยพัฒนาโครงการคอนโดฯ หันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น  แต่อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2563 ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการการอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีการเปิดตัวใหม่ประมาณ 8 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท

โดยขณะนี้มีที่ดินที่ซื้อใหม่แล้ว 2 แปลง ตั้งอยู่ทำเลกรุงเทพตอนเหนือและตะวันตก ซึ่งสามารถพัฒนาโครงการได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท และยังมีที่ดินเปล่าบริเวณรอบสนามกอล์ฟ “ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ” พื้นที่กว่า 200 ไร่ ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นโครงการแนวราบได้อีก 4 โครงการ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน เพื่อนำมาทยอยพัฒนาโครงการ พร้อมมองหาทำเลอื่นๆในโซนกรุงเทพฯตอนเหนือ และกรุงเทพฯตะวันตก ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญในย่านนั้นอีกประมาณ 2 แปลง หากมีโอกาสมาพัฒนาโครงการใหม่ได้เพิ่มเติม และจะรักษายอดขายในปี 63 ให้ใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 2,800 ล้านบาท

สำหรับระยะเวลา 1 เดือนเศษที่เหลือของปี 2562 บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวทาวน์เฮาส์ ระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ในทำเลทางหลวงแผ่นดินหมายเลข346 และบางใหญ่ รวม 2 โครงการ มูลค่าโครงการเกือบ 2,000 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นายวรสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 บริษัทฯได้ย้ายสำนักงานแห่งใหม่มาอยู่ที่ อาคาร 345 ถนนสุรวงศ์ สูง 8 ชั้น เป็นที่ดินของตระกูลบุนนาค พื้นที่ทั้งหมด 10,000 ตารางเมตร (เดิมคือโรงแรม Trocadero ที่หมดสัญญาเช่า) สัญญาเช่า 35 ปี โดยเป็นการจ่ายค่าหน้าดิน ประมาณ 100 ล้านบาท และเงินลงทุนก่อสร้างประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งออฟฟิศใหม่ได้ชูแนวคิด Wellbeing ภายใต้คอนเซปต์ Workplace Wellbeing ตัวอาคารออกแบบดีไซน์โดยเน้นโทนสีธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา โดยภายในเริ่มจาก ชั้น G เป็นพื้นที่ Co-Wellnest ซึ่งพนักงานสามารถใช้พื้นที่ในการ Sharing ความรู้ต่างๆ พร้อมจัดพื้นที่ชั้น 8 เป็นส่วนของห้องอาหาร (Canteen) สำหรับพนักงานด้วย และชั้นดาดฟ้า ที่จัดให้เป็น “Rooftop Organic Farm” ให้ผู้บริหารและพนักงานได้ร่วมกันปลูกผัก-ผลไม้ออร์แกนิค สำหรับไว้รับประทานอีกทั้งเพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของที่มาที่ไปของอาหาร

“บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนโครงการสถานพยาบาล สถานฟื้นฟู และเวชศาสตร์ชะลอวัย (Wellness Center) เพื่อรองรับกับเทรนด์ในปัจจุบัน ที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โดยจะใช้พื้นที่อาคารชั้น 1 ในสำนักงานใหญ่ของบริษัท อาคาร 345 สุรวงศ์ ที่ยังมีพื้นที่เหลืออีก 500-800 ตารางเมตร มาลงทุนในโครงการดังกล่าว หากศึกษาการลงทุนแล้วเกิดความคุ้มค่า ส่วนธุรกิจใหม่อื่นๆเรายังไม่สนใจ เพราะต้องการที่จะทำให้โครงการที่มีอยู่ในปัจจุบันสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างมั่นคง ทำให้ไม่เร่งรีบการลงทุนในธุรกิจใหม่ พร้อมเป็นการไม่เพิ่มภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะต้องการลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ลดลงต่ำกว่า 1 เท่า ในปี 2563 จากปัจจุบันที่ 1.15 เท่า เพื่อทำให้ภาระหนี้สินลดลง และช่วยลดภาวะดอกเบี้ย สร้างกำไรให้กับบริษัทได้มากขึ้น” นายวรสิทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามภายในสิ้นปี 2563 บริษัทฯจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าที่สร้างรายได้ประจำ จะอยู่ที่ 50:50 จากปัจจุบันอยู่ที่ 70:30 โดยในปี 2563 บริษัทจะมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ของโรงงานและคลังสินค้า ที่ถนนบางนา-ตราด กม.19 พื้นที่เช่าอยู่ที่ 150,000 ตารางเมตร โดยเป็นบริษัทข้ามชาติสัดส่วนกว่า 50%  ทำให้รายได้ที่มาจากโครงการดังกล่าวสูงกว่าปัจจุบันที่ 200 ล้านบาท/ปี โดยที่พื้นที่ของโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่า ที่บางนา กม.19 ปัจจุบันมีอัตราการเช่าแล้ว 95% และในส่วนของพื้นที่เพิ่มเติมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 80,000 ตารางเมตร ได้เจรจากับลูกค้าที่สนใจเข้ามาเช่าแล้ว และมีการตกลงการเช่าไปแล้ว 65%

อีกทั้งบริษัทยังมีโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ให้เช่า คือ โครงการ “พาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77” ที่สามารถปล่อยเช่าได้แล้วมากกว่า 75% และมีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 125,000 บาท/ยูนิต/เดือน ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างรายได้เป็นอย่างดีให้กับบริษัท และยังมีรายได้จากสนามกอล์ฟ “ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ” ที่มียอดขายต่อหัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,300 บาท/คน จากเดิมที่ 2,000 บาท/คน หลังจากบริษัทปรับปรุงและพัฒนาสนามกอล์ฟใหม่แล้วเสร็จไปก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะเป็นปัจจัยผลักดันหลักให้กับการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำของบริษัทในปี 2563 และถือเป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปี 2563 เติบโตขึ้นจากปีนี้ ที่ผลการดำเนินงานจะทรงตัวจากปี 2561

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*