แสนสิริ เดินหน้าผุดโครงการร่วมทุนต่อเนื่อง หลังBTS ปรับโครงสร้างธุรกิจ โอนสินทรัพย์ในการบริหารของU  เผยมาตรการรัฐช่วยดันยอดโอน คาดประกาศใช้ภายใน 1-2 สัปดาห์  ประกาศแคมเปญกระตุ้นยอดขาย 17 โครงการราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มั่นใจยอดขายตามเป้า 30,000 ล้านบาท ด้านโครงการร่วมทุนยอดโอนแตะกว่า 11,000-12,000 ล้านบาท
นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชนหรือ U เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือBTS ร่วมทุนพัฒนาโครงการกับบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน)หรือSIRI เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา โดย U ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่ม BTS ที่ดูแลธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้รับโอนโครงการความร่วมมือระหว่างกลุ่มBTS และ SIRI เข้ามาในพอร์ตเมื่อปี 2561  ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตามดีมานด์และสภาวะตลาดร่วมกันแล้ว 14 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 50,000 ล้านบาทและมียอดขายรวม ณ ปัจจุบันที่ 35,000 ล้านบาทหรือกว่า 70% ของยอดขายทั้งหมด ภายใต้ 4 แบรนด์ คือ  เดอะไลน์ (THE LINE),เดอะเบส (THE BASE), เดอะ โมนูเมนต์ และ ‘คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค (KHUN by YOO inspired by Starck) ที่เตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าในไตรมาส 4 ปีนี้ด้วย ซึ่งถือว่ายอดขายและการเปิดตัวโครงการเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะผันผวน ทั้งนี้ ด้วยยอดพรีเซลล์Backlog สำหรับโครงการร่วมทุนที่มีร่วมกัน 17,500 ล้านบาทที่เตรียมส่งมอบในปี 2562 ถึง 2565  เชื่อว่าจะสามารถนำมาสู่กำไรของโครงการร่วมทุนระหว่าง ยู ซิตี้ และแสนสิริ ได้กว่า 1,000 ล้านบาทได้ในปีนี้

“หนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ แบรนด์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทบีทีเอสและแสนสิริที่เป็นปัจจัยดึงดูดให้ผู้ซื้อทั้งกลุ่มเรียลดีมานด์และนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่น ตลอดจนบริการหลังการขายที่ครอบคลุมและความเข้าใจในไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคอันนำไปสู่การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด” นางสาวปิยพร กล่าว

นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานการเงินและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชนหรือ SIRI  กล่าวว่า SIRI และ U ยังอยู่ ระหว่างการวางแผนร่วมลงทุนในระยะต่อไปและเตรียมเซ็นสัญญาการร่วมทุนอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้  หลังจากได้ร่วมลงทุนมาแล้วเป็นระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จำนวน 14 โครงการ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 25 โครงการ มูลค่า 100,000 ล้านบาท แม้ว่าจะมีที่ดินรอการพัฒนาไว้ครบ 25 โครงการแล้วก็ตาม แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการพัฒนาโครงการ เช่น ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการชะลอตัว กฎหมายผังเมืองใหม่ที่ส่งผลทั้งเชิงบวกและลบต่อรูปแบบการพัฒนาโครงการ ทำให้ต้องมีการเลื่อนโครงการบางทำเลออกไป แต่บริษัทฯยังมีความพร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปีต่อไป

โดยการเปลี่ยนแปลงการร่วมทุนจาก BTS มาเป็น U นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 2561 หลังจากที่ BTS ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยโอนธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มาให้ U เป็นผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการร่วมทุนกับ SIRI ด้วย


มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่จะออกมาในช่วงปลายปี 2562 นี้ ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง จะส่งผลบวกต่อการโอนโครงการของบริษัทที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำให้มองว่าลูกค้าจะเร่งการโอนเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่มาตรการดังกล่าวประกาศออกมาชัดเจน ซึ่งบริษัทาดว่ากระทรวงมหาดไทย(มท.)จะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ พร้อมกับบริษัทได้มีการออกแคมเปญกระตุ้นออกมาด้วย โดยนำ 17 โครงการ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมที่ต่ำกว่า 3 ล้านบาทเข้าร่วม เพื่อเป็นการเร่งยอดโอนไนช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ และยังมีการเปิดโครงการแนวราบแบรนด์ SIRI PLACE อีก 4 โครงการ ในปลายปีนี้ ที่จะสอดรับกับมาตรการภาครัฐดังกล่าว ทำให้ช่วยผลักดันยอดโอน

ปัจจุบันบริษัทฯสามารถทำยอดขายรวมได้แล้ว 15,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเปิดโครงการ SIRI PLACE อีก 4 โครงการ และเตรียมเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับ U อีก 1 โครงการ ในวันที่ 2-3 พฤศจิกายนนี้ คือ โครงการเดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท พร้อมกับการทยอยระบายสต๊อกของบริษัทฯออก ซึ่งเน้นการทำแคมเปญโครงการบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้าน ทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท หรือ 1,644 ยูนิต

อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 4/2562 บริษัทคาดว่าจะมียอดโอนอยู่ที่ 14,000-15,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการโอนโครงการที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาเองและโครงการที่ร่วมทุนกับ U ที่จะทำการโอนกระจุกตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะช่วยหนุนภาพรวมของผลการดำเนินงานให้กับบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 และเป็นไตรมาสที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานสูงที่สุดของปีนี้ ทำให้ยอดโอนเป็นไปตามเป้าหมาย 28,000 ล้านบาท และช่วยผลักดันให้กำไรของบริษัทมีแนวโน้มมากกว่าปีที่ผ่านมา


โดยในส่วนการโอนโครงการร่วมทุนกับ
 U ในไตรมาส 4/2562 จะมี 4 โครงการ ได้แก่

1.เดอะ เบส เพชรเกษม (THE BASE Phetkasem) ปัจจุบันมียอดขายทะลุเป้า 80% หรือราว 1,600 ล้านบาท ซึ่งกว่า 60% ของยอดขายเป็นผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยจริง สะท้อนเรียลดีมานด์ของผู้ซื้อ นอกจากนี้พื้นที่บริเวณเพชรเกษมยังมีราคาที่ดินที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 ราคาที่ดินซื้อขายกันอยู่ที่ 300,000 -350,000 บาท/ตารางวา ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่า คาดว่าจะได้ที่ประมาณ 4.5% ต่อปี ทั้งนี้ หลังจากการจัดกิจกรรมตรวจรับมอบห้องเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้าตรวจรับแล้วกว่า 150 ยูนิต

 

2.เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 (THE LINE Sukhumvit 101) มียอดขายกว่า 65%  หรือกว่า 3,000 ล้านบาท โดยอุปทานคอนโดมิเนียมปี 2019 บนบริเวณพื้นที่สุขุมวิท 101 อยู่ที่ 8,517 ยูนิต และพบอัตราการตอบรับของอุปสงค์ในปัจจุบันอยู่ที่ 7,531 ยูนิตหรือคิดเป็น 88% ของอุปทาน นอกจากนี้ทำเลสุขุมวิท 101 ราคาที่ดินเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 ราคาที่ดินซื้อขายกันอยู่ที่ 500,000  –550,000 บาท/ตารางวา ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ 10% กลุ่มลูกค้าในโซนนี้ถือได้ว่าเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ด้วยวัตถุประสงค์ของการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากมีการขยายตัวของแหล่งงานเพิ่มมากขึ้นในบริเวณดังกล่าว ทั้งอาคารสำนักงานหลายแห่งที่สร้างเสร็จและเปิดตัวไปในช่วง 1-3 ปี รวมถึงการเปิดตัวของแหล่งไลฟ์สไตล์ใหม่ในบริเวณนั้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้ตลาดนักลงทุนที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนปล่อยเช่าคึกคักและน่าสนใจมากขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียม ภายในโซนยังให้ผลตอบแทนที่สูงถึง 5% ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าตรวจรับมอบห้องถึงกว่า 250 ยูนิตภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์หลังการให้ตรวจรับมอบโครงการได้

 

3.เดอะ ไลน์ พหลฯประดิพัทธ์ (THE LINE Phahol – Pradipat) มียอดขายแล้วกว่า 70% หรือกว่า 4,100 ล้านบาท โดยในปี 2562 อุปทานคอนโดมิเนียมบนพื้นที่บริเวณพหลโยธิน อยู่ที่ประมาณ 4,400 ยูนิต ส่วนอุปสงค์อยู่ที่ประมาณ 3,400 ยูนิต หรือมีอัตราการตอบรับที่ประมาณ 78% นอกจากนี้ราคาที่ดินในทำเลสะพานควาย-พหลโยธิน ยังคงเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 ราคาที่ดินซื้อขายกันอยู่ที่ 800,000-1,000,000 บาท/ตารางวา ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่า คาดว่าจะได้ที่ประมาณ 4.5% ต่อปี โดยโครงการจะสร้างเสร็จพร้อมอยู่และให้ลูกค้าตรวจรับมอบห้องได้ในต้นเดือนพฤจิกายนนี้

 

4.คุณบายยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค (KHUN by YOO inspired by Starck) ปัจจุบันมียอดขายกว่า 70% หรือ 2,800 ล้านบาท และจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนพฤศจิกายน นี้

“ซึ่งทั้ง 4 โครงการจะมีมูลค่าโอนสูงกว่า 11,000-12,000 ล้านบาท และทำให้มีกำไรของบริษัทร่วมทุนเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ 1,000 ล้านบาท โดยที่มาจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด 6-7 โครงการในปีนี้ ซึ่งกำไรของบริษัทร่วมทุนจะแบ่งกันตามสัดส่วนการถือหุ้น 50:50” นางสาววรางคณา กล่าวในที่สุด

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*