กลุ่มมหากิจศิริ ไม่หวั่นอสังหาฯเผชิญปัจจัยลบ พลิกวิกฤตเป็นโอกาส คว้าที่ดินฟรีโฮลด์ย่านพระราม 4 ผุดเดอะเนสท์ จุฬาฯสามย่านมูลค่า 1,500 ล้านบาท  เจาะเรียลดีมานด์ มั่นใจคุ้มค่าลงทุนระยะยาว ผลตอบแทน 6%ต่อปี พร้อมเปิดพรีเซลวันที่ 26-27 ตุลาคม 62 นี้ คาดกวาดยอดขาย 50%
นางสาวอุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม บริษัท พี.เอ็ม. กรุ๊ป  และเป็นทายาท นายประยุทธ มหากิจศิริ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี 2562 ว่า แม้จะประสบปัญหาจากปัจจัยลบต่างๆส่งผลให้ตลาดชะลอตัว แต่ราคาคอนโดฯก็ไม่ปรับลดลงแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นวัฏจักรที่มีรอบขาขึ้น และขาลง แต่ผู้ประกอบการก็มีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย(Loan to Value : LTV)ที่บริษัทฯมองวิกฤตดังกล่าวเป็นโอกาสที่จะพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ และสามารถเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปี 2563 ภาพรวมตลาดจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหนึ่งจากปัจจัยบวกที่คาดว่าจะมี

 

โดยแผนการดำเนินงานของบริษัทฯยังเน้นที่จะเปิดตัวปีละ 1-2 โครงการ ในพื้นที่ย่านใจกลางเมือง ทั้งในรูปแบบของคอนโดฯโลว์ไรส์ และไฮไรส์ ซึ่งขึ้นอยู่กับศักยภาพของที่ดินที่ซื้อมา รวมไปถึงเปิดกว้างที่จะมีพันธมิตรมาร่วมทุน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับนักลงทุนชาวต่างชาติเช่นกัน โดยต้องการพันธมิตรที่เข้ามาเสริมศักยภาพ เพราะบริษัทฯเองก็มีเงินทุน. และโนว์ฮาวอยู่แล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้ในหลายแนวทาง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ล่าสุดได้เปิดตัว เดอะเนสท์ จุฬาฯสามย่าน” (THE NEST CHULA-SAMYAN) ตั้งอยู่ในซอยจินดาถวิล บริเวณถนนพระราม 4 บนเนื้อที่ 2.4 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯLow Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคารโดยอาคาร A จำนวน 149 ยูนิต ,อาคาร B จำนวน 183 ยูนิต รวม 332 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 21.14-49.39 ตารางเมตร ราคาขายเร่ิมต้นที่ 2.8-7 ล้านบาท หรือ 130,000-140,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท  เน้นลูกค้าเป้าหมาย คือกลุ่มที่อยู่อาศัยเดิมซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลาน, กลุ่มผู้ปกครองโรงเรียนและมหาวิทยาลัย,กลุ่มคนทำงานในโซนสามย่าน,กลุ่มผู้ประกอบการค้าขายในพื้นที่พระราม4 / สี่พระยา/ บรรทัดทอง/  กลุ่มนักลงทุนทั้งใน และนอกพื้นที่รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยจะเร่ิมเปิดพรีเซลในวันที่ 26-27 ตุลาคม 2562 นี้ คาดว่าภายในระยะเวลา 2 วัน จะสามารถทำยอดขายได้ 50%  ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 1/2563 และแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2564

สามย่านเป็นชุมชนในย่านเก่าของกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความทรงจําดีๆของคนทุกยุคทุกสมัย เรามั่นใจในศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการคุ้มค่าแก่การซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุนปล่อยเช่า ดีมานด์ยังมีความต้องการคอนโดฯในพื้นที่ ปัจจุบันยังได้รับการตอบรับที่ดี สังเกตจากโครงการที่เกิดขึ้นมาในอดีตและปัจจุบันยังมียอดขายที่ดี และบริษัทก็มั่นใจว่าโครงการเดอะเนสท์ จุฬาฯสามย่าน” จะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดผู้บริโภคเพราะที่ตั้งโครงการโอบล้อมไปด้วยสถานศึกษา สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบาย ผลงานการออกแบบ และตกแต่งภายใน อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยฟังก์ชันพิเศษที่สะดวกสบาย มีความเป็นส่วนตัวพร้อม Facilities ที่เหมาะกับการพักผ่อนและใช้งานในทุกมิติ การันตีงานออกแบบจาก Thailand Property Awards” นางสาวอุษณา กล่าว

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาพัฒนาในทำเลดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคสนใจที่จะซื้อที่พักอาศัยในโซนนี้มากขึ้น ถือเป็นโอกาสของผู้บริโภคที่จะได้เลือกซื้อสินค้า ซึ่งผู้ที่ลงทุนในระยะยาวสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาตั้งแต่ 18,000 บาทขึ้นไป/เดือน มีผลตอบแทนจากการลงทุน 6%ต่อปี

“โซนจุฬา-สามย่าน ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างเงียบเหงา แต่ปัจจุบันได้กลับมาบูมอีกรอบ เราจึงต้องการมีส่วนผลักดันให้ลูกค้าที่อยู่ในย่านนี้ได้สุขสบาย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นเรียลดีมานด์ และกลุ่มที่ซื้อลงทุนระยะยาว เพราะที่ดินในย่านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลีสโฮลด์ (Leasehold)และบริษัทฯมีความโชคดีที่ได้ที่ดินแปลงนี้ซึ่งเป็นฟรีโฮลด์ (Freehold) มาพัฒนาโครงการ โดยที่ราคาที่ดินฟรีโฮลด์ในซอยพุ่งไปที่ 500,000 บาท/ตารางวา หากติดถนนใหญ่ ก็ 1 ล้านบาทขึ้นไป/ตารางวา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเล” นางสาวอุษณา กล่าว

นางสาวอุษณา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับที่ดินของครอบครัว ย่านพระราม 4 อีก 1 แปลง พื้นที่เกือบ  6 ไร่ ในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในปี 2563


อนึ่ง
โครงการเดอะเนสท์ จุฬาฯสามย่านเป็นโครงการที่ห้า ของบริษัทเดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โครงการแรกคือ The Nest เพลินจิต(เดอะเนสท์เพลินจิต) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้นจำนวน 64 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ,โครงการที่สอง คือ The Nest สุขุมวิท 22 (เดอะเนสท์สุขุมวิท 22) เป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคารรวม 316 ยูนิตมีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ,โครงการที่สาม คือThe Nest สุขุมวิท 64 (เดอะเนสท์ สุขุมวิท 64) เป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้น มี อาคาร จำนวน 439 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท โครงการที่สี่ คือThe Nest สุขุมวิท71 (เดอะเนสท์ สุขุมวิท71)  บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ เป็นคอนโดฯ Low Rise สูง 8 ชั้น 5 อาคาร คลับเฮาส์ 2 ชั้น 1 อาคาร รวมจำนวน 515 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*