สิงห์ เอสเตทฯ มั่นใจธุรกิจหลักยังโตต่อเนื่องปีนี้ หลังเปิดตัวโครงการ CROSSROADS มัลดีฟส์ ลูกค้าตอบรับดี คาดอัตราการเข้าพักของ 2 โรงแรม ภายในไตรมาส 1/2563เพิ่มเป็น 50% และสร้างรายได้ถึงปลายปี62 ที่ 500-600 ล้านบาท พร้อมนำ SHR เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาเสนอขาย IPO-เข้าซื้อขายภายในพ.ย. 62 นี้ หวังนำเม็ดเงินชำระหนี้ลงทุนโรงแรมแห่งใหม่ในต่างประเทศ ตอกย้ำเป้าหมายสู่การเป็น Global Holding Company ส่วน “เอสโทร” ย่านรางน้ำประกาศเลื่อนเปิดขายต้นปีหน้า คาดรายได้แตะ 20,000 ล้านบาท ในปี63
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว และการเมืองภายในประเทศที่แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งแต่ฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่มีเสถียรภาพ อีกทั้งงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐประจำปี 2563 ก็ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร  รวมไปถึงภาพรวมตลาดท่องเที่ยวก็ยังไม่ดีมากนักจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป อีกทั้งเงินบาทยังแข็งค่า  ด้านตลาดอสังหาฯก็มีการแข่งขันที่สูงมากขึ้น ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็ยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า หลับจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-To-Value : LTV) ออกมาเพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไร  ไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่ ซึ่งเป็นมาตรการที่กระทบอสังหาฯในทุกเซกเมนต์ ทำให้เกิดปัญหาในบางกลุ่มลูกค้า และส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯในประเทศยังไม่ฟื้นตัว

สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้หุ้นละ 0.04 บาท ในปี 2562 ทั้งยังส่งผลให้ปี 2562  เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวรายได้ของ สิงห์ เอสเตทฯ ทุกกลุ่มธุรกิจหลักมีการเติบโต และขยายตัว เพื่อเปิดรับโอกาสการลงทุนใหม่ในปีถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจโรงแรมซึ่งมีรายได้ประจำจากการลงทุนในกิจการโรงแรม โดยการเข้าซื้อโรงแรม Outrigger 6 โรงแรมใน 4 ประเทศ

โดยหลังจากที่บริษัทฯได้เปิดตัว CROSSROADS ไปเมื่อกลางเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า คาดว่าอัตราการเข้าพักของทั้ง 2 โรงแรม คือ SAii Lagoon Maldives และ HARD ROCK HOTEL จะอยู่ที่ 30% ภายในปลายปี 2562 นี้ และจะเพิ่มเป็น 50% ภายในไตรมาส 1/2563 โดยช่วงเริ่มต้นการเปิดตัวโครงการ CROSSROADS จนถึงปลายปีนี้ จะสามารถสร้างรายได้ที่ 500-600 ล้านบาท

ส่วนแผนการนำริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปัจจุบันคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไฟลิ่ง) โดยบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเสนอขาย IPO และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้ โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปชำระหนี้ และรองรับการลงทุนโรงแรมแห่งใหม่ ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะเข้าลงทุนโรงแรมในต่างประเทศ โดยเตรียมประกาศแผนการเข้าลงทุนโรงแรมหลัง SHR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

โดยกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีความมั่นคงของรายได้ คือ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก โดยเฉพาะโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ได้รับการตอบรับจากผู้เช่าเกินความคาดหมายด้วยอัตราการเช่าพื้นที่กว่าร้อยละ 92 และจะพัฒนาโครงการมิกส์ยูส “เอส โอเอสซิส” บนถนนวิภาวดี-รังสิต  ความสูง 36 ชั้น มีพื้นที่ให้เช่า (NLA) ประมาณ 53,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นพื้นที่สำนักงาน และ พื้นที่ค้าปลีกบางส่วน มูลค่า 3,695 ล้านบาท  ซึ่งจะใช้เวลาในการพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี โดยได้เริ่มการก่อสร้างในปีนี้

สำหรับแผนงานระยะยาวบริษัทฯ คาดการณ์งบลงทุนในการขยายธุรกิจคอมเมอร์เชียลไว้ประมาณ 15,000 ล้านบาทสำหรับ 4 ปี (ระหว่างปี 2562-2566) ส่วนกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) ของคอนโดมิเนียมมูลค่า 4,400 ล้านบาท จากโครงการ The ESSE Asoke และ The ESSE at SINGHA COMPLEX

ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงแรมซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมากกับการเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้ได้มีการเปิดตัวโครงการCROSSROADS ประเทศมัลดีฟส์ เมื่อกลางเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย ท่าเรือยอร์ชมารีนาพร้อมร้านค้าและร้านอาหารชื่อดัง พร้อมทั้งเปิดตัวโรงแรมชั้นนำถึง 2 แห่ง ได้แก่ SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และ Hard Rock Hotel Maldives เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะที่ผ่านมาและมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของรัฐบาลมัลดีฟส์

อย่างไรก็ตามในปลายปี 2562 นี้ บริษัทฯมีแผนที่จะนำบริษัทในเครือที่พัฒนาและบริหารธุรกิจโรงแรม คือ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขยายกลุ่มธุรกิจโรงแรมมุ่งสู่การเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ (Premier Hotel Investment & Resort Management Company)

ส่วนโครงการ “เอสโทร” (ESTRO) ย่านซอยรางน้ำ บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่  เป็นคอนโดฯสูง  35 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 200,000 บาทต้นๆ/ตารางเมตร  จำนวน 415 ยูนิต มูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท ที่แผนเดิมจะเปิดตัวประมาณไตรมาส3/2562 นี้  แต่ด้วยสภาวะตลาดที่ยังไม่เอื้อำนวย ส่งผลให้เลื่อนการเปิดตัวออกไปเป็นในปี 2563

อย่างไรก็ตามในปี 2562 คาดว่าจะรับรู้รายได้ 15,000 ล้านบาท และในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจให้เช่าทั้งอาคารสำนักงานและโรงแรม

นายเดิร์ก เดอ ไคย์เปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR กล่าวว่า CROSSROADS เป็นโครงการที่ถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้คอนเซปต์ใหม่สำหรับประเทศมัลดีฟส์ ตั้งอยู่ใกล้สนามบินแห่งชาติของมัลดีฟส์ และ “มาเล่” เมืองหลวงของมัลดีฟส์ สามารถเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ภายใน 15 นาที ทำให้เป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวจากหลากหลายวัฒนธรรม CROSSROADS เป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับนักเดินทางคนรุ่นใหม่ เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์สำหรับการพักผ่อนระดับเวิร์ลคลาส ผนวกทุกบริการไว้อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบไปด้วย The Marina @ CROSSROADS ท่าเรือยอร์ชแห่งแรกของมัลดีฟส์  รีสอร์ทติดทะเลที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์อันโดดเด่น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสันทนาการ สอดแทรกความรู้ด้านวัฒนธรรมและการอนุรักษ์ธรรมชาติ ผ่านศูนย์การเรียนรู้  มีแหล่งช้อปปิ้งจากร้านค้านานาชาติ รวบรวมไว้ซึ่งร้านอาหารชื่อดัง นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำหรับการประชุม จัดงานและกิจกรรมบันเทิงต่างๆ กลุ่มเป้าหมายของ CROSSROADS ได้แก่ นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง รักธรรมชาติ ชอบการผจญภัยและมองหาประสบการณ์ที่แตกต่าง

การเปิดตัวโครงการนี้เป็นก้าวสำคัญของการเติบโตของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ในฐานะที่เป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ (Premier Hotel Investment & Resort Management Company) ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์การลงทุนอย่างยั่งยืนของสิงห์ เอสเตท ในฐานะ premier lifestyle developer และเพื่อตอกย้ำความเป็นโกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี โดยมีแผนที่จะนำ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงปลายปีนี้ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและขยายธุรกิจโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ

ภายในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนโรงแรมและห้องพัก อย่างน้อยอีกเท่าตัว จากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 39 โรงแรม เป็น 80 โรงแรม ผ่านแพลตฟอร์มธุรกิจ 4 แบบ คือ 1) โรงแรมที่เป็นเจ้าของและบริหารเอง 2)โรงแรมที่บริหารผ่าน Franchise Agreement กับแบรนด์ระดับโลก 3) โรงแรมที่บริหารผ่านสัญญาบริหารจัดการโรงแรม 4) โรงแรมที่บริหารผ่านแบรนด์ที่ SHR สร้างขึ้นมาเอง


“SHR มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดของตลาด การเปิดตัว SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton ในโครงการ CROSSROADS เฟส 1 เป็นการแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของบริษัทในการสร้างแบรนด์ระดับบนของตัวเอง ภายใต้แบรนด์ SAii นอกจากนี้ เราจะเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอโรงแรมในประเทศไทยและภูมิภาค ผ่านการดำเนินธุรกิจใน 4 แพลตฟอร์มหลัก” นายเดิร์ก กล่าว

ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของ SHR เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 63.1% โดยในปี 2559 ปี 2560 และปี 2561 รายได้จากการดำเนินงานตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 968.0 ล้านบาท 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับงวดสิ้นสุด 6 เดือนปี 2562 รายได้จากดำเนินงานตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 1,751.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.8% จาก 715.6 ล้านบาท ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุสำคัญของการเติบโตของรายได้ของ SHR ได้แก่ การลงทุนใน Outrigger Resorts เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 และผลประกอบการที่ดีขึ้นของโรงแรมที่บริษัทฯ บริหารจัดการเอง

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*