ศุภาลัยฯเผยตลาดแนวราบยังเติบโตต่อเนื่อง รายใหญ่กินรวบส่วนแบ่งตลาด ส่วนคอนโดฯยังซึมยาว จากปัจจัยลบ ครึ่งปีหลังจ่อเปิด 18 โครงการ รวมมูลค่า 18,000 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมเปิดพรีเซล ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระ – วงเวียนใหญ่มูลค่า 1,240 ล้านบาท วันที่ 19 – 20 ..62 นี้ คาดฟันยอดขายเกิน 50% มั่นใจยอดขายทั้งปีแตะ 35,000 ตามเป้า
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI  เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วงไตรมาส 4/2562 ว่าเซกเมนต์แนวราบยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการซี้อของลูกค้าที่หันมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบมากขึ้น และมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ( Loan-To-Value : LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไม่มีผลกระทบกับการซื้อขายโครงการแนวราบมากนัก เพราะลูกค้าที่ซื้อโครงการแนวราบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง อีกทั้งการแข่งขันในตลาดแนวราบไม่มากเพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ยังถือครองส่วนแบ่งตลาดที่มากอยู่

ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันยังมีการชะลอตัวอยู่ หลังจากที่มาตรการLTV เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน 2562 ทำให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียมชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ประกอบกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุน และลูกค้าชาวต่างชาติได้หายไปจากตลาดค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา พร้อมทั้งซัพพลายในตลาดยังมีเหลือเป็นจำนวนมากในบางทำเล ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบด้านการขาย ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่  รวมถึงบริษัทที่ไม่ได้เน้นการเปิดคอนโดมิเนียมมากนักแต่จะหันมาเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลที่มองว่ามีศักยภาพ และมีการแข่งขันไม่มาก ซึ่งทำให้สามารถสร้างยอดขายในช่วงเปิดโครงการได้อย่างดี  ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่จะเปิดตัวโครงการประเภทคอนโดฯต้องศึกษาตลาดให้ดีก่อน เพราะยังมีปัจจัยลบจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ยังส่งผลกระทบอีกมาก

สำหรับไตรมาส3 /2562 มีแผนเปิดัว 11 โครงการ มูลค่าประมาณ  11,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นแนวราบ 9 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ ส่วนในไตรมาส 4/2562 บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 10 โครงการ  รวมมูลค่าประมาณ 9,000  ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ  8 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ซึ่งเป็นไปตามแผนการเปิดตัวทั้งปีที่ 30 โครงการรวมมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกเปิดโครงการใหม่แล้วจำนวน 9 โครงการมูลค่า 19,760 ล้านบาท

ด้านสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ย่านฝั่งธนบุรี มองว่ายังเป็นตลาดที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาลงทุนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากปัจจัยสนับสนุนจากแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพงหลักสอง ที่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบครบทุกสถานี  ทำให้การเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจได้อย่างสะดวกสบาย จึงทำให้บริเวณแยกท่าพระเป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าจับตามองในด้านมูลค่าที่ดิน และการเติบโตของราคาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีความครบครันทุกปัจจัยแห่งการอยู่อาศัย และในอนาคตจะกลายเป็น HUB ศูนย์กลางการท่องเที่ยว การค้า การคมนาคมที่สามารถเชื่อมต่อไปยังทิศต่างๆของกรุงเทพฯ ด้วยถนนสายหลัก และโครงข่ายรถไฟฟ้าหลากหลายสีอย่างสมบูรณ์

โดยในส่วนทำเลในรัศมีใกล้รถไฟฟ้าสถานีท่าพระ  ราคาที่ดินไม่ตำ่กว่า 200,000 บาท/ตารางวา ในปัจจุบันมีซัพพลายคอนโดฯเปิดขายอยู่ประมาณ 3-4 โครงการ รวมกว่า 3,000 ยูนิต ราคาอยู่ที่ประมาณ 80,000-120,000 บาท/ตารางเมตร (แล้วแต่ขนาดของห้องชุด  โดยห้องยิ่งขนาดเล็กราคายิ่งสูง) ส่วนใหญ่มียอดขายเกินกว่า 70% และเมื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบส่งผลให้ยอดขายคอนโดฯในทำเลดังกล่าว และตลอดแนวรถไฟฟ้าพุ่งขึ้นอีกประมาณ 1 เท่าตัว ทำให้มีอัตราการดูดซับไปได้เร็วกว่าก่อนหน้าที่จะเปิดให้บริการ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าถือเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นยอดขายคอนโดฯได้เป็นอย่างดี

ล่าสุดได้เตรียมเปิดตัวโครงการ ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระวงเวียนใหญ่  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2  ไร่เศษ เป็นคอนโดฯสไตล์ MODERN COLONIAL สูง 22 ชั้น 1 อาคาร  บนทำเลวงเวียนใหญ่ภายใต้แนวคิด “Your Life, Your Style สู่อีกขั้นของความสมบูรณ์แบบ ให้ชีวิตโดดเด่นเหนือใคร” ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสถานีท่าพระเพียง 570 เมตรขนาดตั้งแต่ 28.099.5 ตารางเมตร แบ่งเป็นห้องชุดพักอาศัย 419 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต ราคาขายเร่ิมต้นที่ 1.98 – 7.3 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1,240 ล้านบาท ขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจ Walk in เข้าเยี่ยมชมโครงการวันละประมาณ 40 ราย  ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 19-20 ตุลาคม 2562 นี้ คาดว่าภายในระยะเวลา 2 วัน จะสามารถทำยอดขายได้เกิน 50% และจะเป็นผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงประมาณ 85% ด้านการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี2564

“ทำเลท่าพระยังถือว่าเป็นตลาดที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาลงทุนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ระดับราคา 2-3 ล้านบาท เชื่อว่ายังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่ข้อเสียของทำเลดังกล่าวคือ จำกัดในเรื่องความสูง และ (Floor Area Ratio : FAR) ได้7 เท่า แต่บริษัทฯก็สามารถพัฒนาห้องชุดได้ในราคาเร่ิมต้นที่ 1.98 ล้านบาท ซึ่งในทำเลฝั่งธนบุรีบริษัทฯถือว่าเป็นผู้ที่พัฒนาโครงการมากที่สุด รวมประมาณ 10 โครงการ ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการเปิดขายในย่านฝั่งธนฯประมาณ 5 โครงการ รวมมูลค่าประมาณกว่า 10,000 ล้านบาทนายไตรเตชะ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายได้จำนวน 13,307 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 44% และโครงการแนวราบ 56% ซึ่งในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายมียอดขายรวม 35,000 ล้านบาท รวมถึงสามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 10,892 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ 28,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียม ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 55% โครงการคอนโดมิเนียม 45% และมีกำไรสุทธิ 2,293 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ 5,770 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 43,434 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้กับลูกค้า และรับรู้รายได้ในปี2562 นี้จำนวน 10,189 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 33,245 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในอีก 4 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเห็นการลงทุนระยะยาว โดยบริษัทฯได้ขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทได้เข้าไปลงทุนแล้ว 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,200 ล้านบาท ทั้งนี้ได้กำหนดนโยบายการลงทุนในต่างประเทศรวมไม่เกิน 10% ของงบลงทุนรวม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*