กลุ่มสถาปนิกรวมตัวตั้ง “นีโอ กรุ๊ป”ประกาศรุกตลาดแนวราบบนทำเลศักยภาพ  ระบุแม้เป็นรายเล็กแต่เน้นยูนิตน้อย ราคาจับต้องได้ พัฒนาปีละ 4 โครงการ รวมมูลค่า 300-400 ล้านบาท ปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน– 1 ปี ล่าสุดเตรียมเปิดพรีเซล 3 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 300 ล้านบาท และปี63 จ่อผุดแนวราบแนวสูง อีก 3 โครงการ มูลค่า 390 ล้านบาท
นางปิยนุช บุญเยี่ยมเยียน ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ 3241 ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ นีโอ กรุ๊ป (NEO Group) เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯโดยสูงของครอบครัวมากกว่า 10 ปี ในนามบริษัท ฐานะ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด  และในปี 2559 ได้ร่วมทุนกับกลุ่มเพื่อนๆสถาปนิกอีก 6 กลุ่ม ก่อตั้งบริษัท นีโอ 3241 ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขึ้นมา ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบในทำเลศักยภาพภายใต้แบรนด์ “นีโอ” ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนาไปแล้ว 4 โครงการ เดอะคลาสซี่ คอนโด รัชดา 19, นีโอเฮ้าส์ นาคนิวาส 32, นีโอ สเปซ สุคนธสวัสดิ์ 3 และ นีโอ สเปซ พลัส สุคนธสวัสดิ์ 3 รวมมูลค่าประมาณ 290  ล้านบาท ซึ่งได้ปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯนับจากนี้จะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ ปีละประมาณ 4 โครงการในทำเลศักยภาพ อาทิ ลาดพร้าว วิภาวดี และรัชดาภิเษก เป็นต้น ขนาดที่ดินที่พัฒนาตั้งแต่ 200 ตารางวา-2 ไร่  จำนวนประมาณ 12-16 ยูนิต ระดับราคา 5-10 ล้านบาท  รวมมูลค่าประมาณ 300-400 ล้านบาท สามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน- 1 ปี

“แม้ว่าเราจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กแต่ก็มีการความเปรียบผู้ประกอบการรายใหญ่ตรงที่มีความยืดหยุ่นในการบริการจัดการ และสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วกว่า รูปแบบโครงการก็จะมีขนาดเล็ก ราคาถูกกว่าโครงการอื่นๆในทำเลเดียวกันประมาณ 10% ด้วยความที่กลุ่มผู้ถือหุ้นล้วนเป็นกลุ่มสถาปนิกจากจุฬาฯจึงมีการดีไซน์โครงการ และฟังก์ชั่นการใช้งานได้ตอบโจทย์และดึงดูดลูกค้าได้มากที่สุด หากลูกค้าที่ไม่ยึดติดแบรนด์เนม ก็มั่นใจว่าสินค้าของบริษัทฯตอบโจทย์แน่นอน ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่ายังมีปัจจัยลบในด้านความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ที่ผ่านมาทำให้โครงการของบริษัทฯมียอดReject รวมประมาณ 70-80% แต่ที่ผ่านมาก็ได้พยายามช่วยสถาบันการเงินช่วยคัดกรองลูกค้าในระดับหนึ่งด้วย” นางปิยนุช กล่าว

นางปิยนุช กล่าวต่อไปว่า สำหรับในปี 2562 นี้ บริษัทฯมีแผนเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 3 โครงการ รวมมูลค่า 300 ล้านบาท ได้แก่

1.SENSE นาคนิวาส 48 BY NEO GROUP  บนพื้นที่ทั้งหมด 200 ตารางวา  พัฒนาในรูปบ้านเดี่ยว บ้านแฝด สไตล์โมเดิร์น 3 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 39 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 285 325 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 9.99-11.9 ล้านบาท  จำนวน 9 ยูนิต มูลค่าโครงการ 90 ล้านบาท

 

2.NEO SPACE @ WORK ลาดพร้าว 41 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 500 ตารางวา  พัฒนาในรูปแบบของโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น ขนาด 27 43 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 230 300 ตารางเมตร จำนวน 15 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 8.99-15 ล้านบาท  มูลค่าโครงการ  150 ล้านบาท

 

3.NEO HAUS PLUS นาคนิวาส 32  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 217 ตารางเมตร พัฒนาในรูปแบบของพรีเมี่ยมทาวน์โฮม สไตล์โมเดิร์น  3 ชั้นครึ่ง ขนาดตั้งแต่ 17 26 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 196 237 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 6.99-7.99 ล้านบาท  จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 60 ล้านบาท

โดยทั้ง 3 โครงการจะเปิดพรีเซลในวันที่ 28-29 กันยายน 2562 นี้ หากลูกค้าจองในวันดังกล่าวรับส่วนลดสูงสุด 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน

นอกจากนี้ในกลางปี 2563 บริษัทฯยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอีก 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 390 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการย่านวิภาวดี 16 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 260 ตารางวา มีแผนที่จะพัฒนาในรูปแบบของ บ้านเดี่ยว หรือบ้านแฝด ระดับราคา 12 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 5-8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 90 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจข้อมูลว่าลูกค้าในทำเลดังกล่าวมีความต้องการสินค้าในรูปแบบใดมากกว่ากัน

 

2.โครงการย่านพหลโยธิน 23 ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 200 ตารางวา พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น ขนาด 30-45 ตารางเมตร ราคาตั้งแต่ 2.9-5 ล้านบาท จำนวน 40 ยูนิต มูลค่าโครงการ 150 ล้านบาท

 

3.โครงการ @WORK สุคนธสวัสดิ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 400 ตารางวา พัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่ง ขนาด 28-40 ตารางวา ราคา 10-15 ล้านบาท จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 120-150 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในปี 2562 นี้ บริษัทฯคาดว่ารายได้รวมไว้ที่ 300 ล้านบาท จากปี 2560 และปี 2561 ที่รับรู้รายได้รวมที่ 220 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*