เสนาฯเผยปรับลดเปิดตัวครึ่งปีหลัง62 เหลือ 9 โครงการ รวมมูลค่า 18,600 ล้านบาท ต้องเลื่อนแนวราบ 2-3 โครงการไปปี63 เหตุขาดแคลนผู้รับเหมาฯ ประกาศรุกตลาดระดับพรีเมี่ยมปีละ 1 โครงการ ล่าสุดผนึกกลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป บริหารโครงการ “ปีติ เอกมัย”หวังยกระดับเทียบเท่ารร.5ดาว พร้อมตั้งบริษัทลูกบริหารงานนิติบุคคล อนาคตสนขยายไลน์ธุรกิจรร.สร้างรายได้ระยะยาว

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ SENA  เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในครึ่งปีหลัง 2562 ว่า จะมีการเปิดตัวใหม่จำนวน 9 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 18,600 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารสูงประมาณ 5 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 70% ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป จำกัด ทุกโครงการ  และแนวราบ 4 โครงการ  คิดเป็นสัดส่วน 30%  ซึ่งในจำนวนโครงการที่เปิดตัวในครึ่งปีหลังนี้ ได้มีการปรับลดโครงการแนวราบไปประมาณ 2-3 โครงการ  เนื่องจากเกิดปัญหาในเรื่องขาดแคลนผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยที่เข้ามาก่อสร้างโครงการแนวราบ เพราะปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆหันมาพัฒนาโครงการแนวราบกันมากขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้ผู้รับเหมาฯเพื่อมาก่อสร้างโครงการเป็นจำนวนมาก จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯต้องปรับลดและเลื่อนการเปิดตัวโครงการออกไป จากเดิมที่จะต้องเปิดตัวในครึ่งปีหลังทั้งสิ้น 13 โครงการ รวมมูลค่า 37,000 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทฯยังวางแผนที่จะรุกตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในระดับบนเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลที่มีศักยภาพสูง  โดยโครงการระดับพรีเมี่ยมของบริษัทฯจะอยู่ที่ระดับราคา 150,000-190,000 บาท/ตารางเมตร  ซึ่งวางแผนจะเปิดโครงการระดับพรีเมี่ยมอย่างน้อย 1 โครงการ/ปี เพื่อเพิ่มสัดส่วนให้เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2563 จะมีสัดส่วนโครงการระดับพรีเมี่ยมเพิ่มเป็น 10-20%  โดยที่ในช่วงไตรมาส 4/2562 จะมีการเปิดโครงการปีติ สุขุมวิท 101 อีก 1 โครงการ

อย่างไรก็ตามในปี 2561 ที่ผ่านมาได้มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม โครงการแรกไปแล้ว คือ โครงการ “ปีติ เอกมัย” ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างเสนาฯและบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ก่อตั้ง บริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด ขึ้นมาเพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว ในรูปแบบของคอนโดฯ  High Rise ตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่เศษ สูง 37 ชั้น 1 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 29-64 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 150,000- 188,000 บาท/ตารางเมตร  ราคาเฉลี่ย/ตารางเมตร 170,000 บาท หรือยูนิตละ 4.45-12 ล้านบาท  จำนวน 879 ยูนิต และ ร้านค้า 3 ยูนิต มูลค่าโครงการ 50,000 ล้านบาท  ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 40% โดยลูกค้า 70% เป็นคนไทย และอีก 30% เป็นชาวต่างชาติ คาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมอยู่ใน ปี 2565

ทั้งนี้บริษัทเตรียมที่จะยกระดับการบริการโครงการระดับพรีเมี่ยมให้เทียบเท่าโรงแรม 5 ดาว ซึ่งบริษัทได้จัดตั้งบริษัท อีลีท เรสซิเดนซ์ จำกัด  บริษัทในเครือของ SENA ขึ้นมาเมื่อต้นปี 2562 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 1 ล้านบาท  เพื่อดูแลให้บริการงานด้านนิติบุคคลให้กับโครงการพรีเมี่ยมของบริษัท โดยได้มีการส่งทีมงานเข้าร่วมศึกษาดูงานและรับการอบรมจากมืออาชีพ คือ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (Onyx Hospitality Grop) เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาทักษะความรู้และเพิ่มศักยภาพทีมงานให้มีความเป็นมืออาชีพตามมาตรฐานโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยที่ความร่วมมือดังกล่าวบริษัทฯจะให้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป บริหารโครงการ “ปีติ เอกมัย”ไม่ต่ำกว่า 3 ปี และในส่วนของค่าส่วนกลางของโครงการนั้นยังคงเท่าเดิมคือที่ 70 บาท/ตารางเมตร  ซึ่งแม้ว่าจะมีการยกระดับให้ดีขึ้นทัดเทียมกับโรงแรม 5 ดาวก็ตาม

นอกจากนี้บริษัทยังมองถึงโอกาสในการเข้าลงทุนธุรกิจโรงแรมในอนาคต เพื่อเป็นการสร้างรายได้ระยะยาวให้กับบริษัทฯ ซึ่งมีความเป็นไปได้ใน 2 รูปแบบ คือ พัฒนาเอง หรือ การเทกโอเวอร์โรงแรมเก่าที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว  ปัจจุบันมีผู้นำโรงแรมในพื้นที่กทม.มาเสนอขายหลายราย  ซึ่งผู้ที่นำมาเสนอขายส่วนใหญ่จะมี 2 จุดประสงค์หลัก คือ 1.กลุ่ม  Non Brand ที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Internation Brand ได้ 2. กลุ่มที่มี Internation Brand มาบริหาร แต่ไม่ต้องการดำเนินธุรกิจต่อ และต้องการเงินสดไปลงทุนด้านอื่นต่อไป ทั้งนี้หากมีโอกาสและคุ้มค่าในการลงทุน บริษัทฯก็จะศึกษาและพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนเช่นกัน

ขณะที่เป้าหมายยอดขายและรายได้ของบริษัทฯในปีนี้  ยังอยู่ระหว่างการทบทวน ซึ่งจะมีการประกาศอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้ไว้ที่ 19,600 ล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ “นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น” และโครงการร่วมทุน “นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง” ซึ่งบริษัทฯมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท

ด้านมร.คาซุมาสะ โอจิ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป กล่าวว่า สำหรับธุรกิจโรงแรม เป็นอีก 1 ธุรกิจหลักของทางกลุ่มบริษัทฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป ซึ่งถือว่ามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ ปัจจุบันมีโรงแรมทั้งหมดจำนวน 46 แห่ง ประกอบด้วยโรงแรมที่บริหารโดยตรง 18 แห่งและแฟรนไชส์ 28 แห่ง มากกว่า 10,424 ห้อง ส่วนใหญ่โรงแรมจะอยู่ในตัวเมืองโอซาก้า เมืองโตเกียว และบริเวณเมืองอื่นรอบๆ นอกจากนี้ได้บริหารโรงแรม The Ritz-Carlton Osaka ที่อยู่ในเครือโรงแรมหรูระดับสากลด้วย ในอนาคตทางกลุ่มบริษัทได้มีการวางแผนขยายโรงแรมอย่างต่อเนื่อง

“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่โครงการของเสนา ฮันคิว ฮันชิน จะนำบริการระดับโรงแรม “Luxury Service” เข้ามาใช้ในคอนโดแบรนด์พรีเมี่ยม ซึ่งมองว่าจะช่วยส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงบริการระดับโรงแรมอย่างแท้จริง นับว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของเสนา ฮันคิว ฮันชิน ที่จะมอบสิ่งดี ๆ ทั้งสินค้าและการบริการระดับคุณภาพให้กับลูกค้าในครั้งนี้และโครงการในอนาคตด้วย”  มร.คาซุมาสะ กล่าว

ด้านนายดักลาส มาร์เทล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป มีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมมายาวนานและเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการขยายเครือข่ายอย่างเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก  ปัจจุบันบริหารจัดการโรงแรมในเครือมากกว่า 50 แห่งใน 8 ประเทศ และมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาอีกประมาณ 30 แห่งภายใต้แบรนด์อมารี  (Amari) ชามา (Shama)  และโอโซ่ (OZO)

ความร่วมมือระหว่างออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ปและเสนา ฮันคิว ฮันชิน ในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว และเปิดโอกาสสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์โรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ในเครือของเรากับโครงการที่พักอาศัยของเสนา ฮันคิว ฮันชิน ในอนาคต

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*