ไรมอน แลนด์ฯเผยขอประเมินภาพรวมตลาดอสังหาฯหลังรัฐบาลใหม่ตั้งลำแล้ว 6 เดือน เชื่อต่างชาติยังดาหน้าลงทุนไทยต่อเนื่อง เปิดแผนครึ่งปีหลังจ่อผุด 2 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 9,200-13,600 ล้านบาท ขณะที่ “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์”ยอดขายพุ่งแล้ว 50% เตรียมขยายฐานเปิดสำนักงานขาย 3 แห่งใน 2 ประเทศ หวังสร้างการรับรู้แบรนด์-ปิดขายเร็ว มั่นใจสิ้นปี62 รายได้รวมตามเป้า 5,000 ล้านบาท
นายไลโอเนล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ คงต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่ออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจเสียก่อน ทั้งนี้คงต้องให้ระยะเวลารัฐบาลในการเตรียมความพร้อมก่อนประมาณ 6 เดือน  แต่โดยภาพรวมยังมองว่านักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจีน และญี่ปุ่น ยังให้ความสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่  โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งเชื่อว่าในระยะยาวจะมีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแผนการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีหลัง 2562 เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่อีกประมาณ 1-2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,200-13,600 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ Loft ราชเทวี  ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทลงทุนเอง 100% มูลค่าโครงการ 3,200-3,600 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้

 

ขณะที่อีกโครงการตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท 38 ซึ่งจะเป็นคอนโดมิเนียมรูปแบบใหม่ แบรนด์ใหม่ ที่มีเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นคือ โตเกียว ทาเทโมโนะ  มูลค่า 6,000-10,000 ล้านบาท  ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดีไซน์รูปแบบโครงการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงพฤศจิกายน 2562 นี้ หรืออาจจะเลื่อนไปเดือนกุมภาพันธ์ 2563

ส่วนความคืบหน้าโครงการ The Estelle Phrom Phong  (ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์) ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม High Rise ระดับ Super Luxury สูง 37 ชั้น ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ฯ กับโตเกียว ทาเทโมโนะ พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา โดยออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 55-160 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 18-60 ล้านบาท หรือตั้งแต่ 279,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป จำนวน 157 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 5,600 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 50%  คาดว่าจนถึงปลายปีนี้จะมียอดขายเพิ่มอีก 5% เป็น 55%

“ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดขายพรีเซลโครงการ The Estelle Phrom Phong ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท และการเปิดสำนักงานขายอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ บริษัทฯ ก็คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนที่ผ่านมาเช่นกัน เพราะโครงการของเราเป็นโครงการที่เน้นในเรื่องของคุณภาพ ตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ” นายไลโอเนล ลี กล่าว

นายไลโอเนล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้าต่างชาติยังมีความต้องการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังถือว่ามีราคาที่ไม่แพงและจับต้องได้ในทำเลที่มีศักยภาพเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทำให้บริษัทเตรียมเปิดสำนักงานขายโครงการของบริษัทในประเทศสิงค์โปร์ แห่งแรกในเดือนกันยายนนี้  ส่วนเดือนตุลาคม จะเปิดสำนักงานขายอีก 2 แห่งที่เมืองกวางโจว และเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นห้องตัวอย่าง เพื่อตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น และทำให้บริษัทสามารถปิดการขายได้เร็วอีกด้วย

โดยสำนักงานขายแต่ละแห่งจะสามารถนำโครงการไปแนะนำลูกค้าต่างชาติได้ครั้งละ 3 โครงการ ซึ่งบริษัทฯจะเริ่มจากการนำโครงการดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ และอีก 2 โครงการใหม่ที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 นี้ ไปออกบูธแนะนำโครงการ และหากโครงการไหนปิดการขายแล้วก็จะมีโครงการอื่นๆหมุนเวียนไปอย่างต่อเนื่อง

“กลุ่มลูกค้าชาวจีนเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และสนใจซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่บริษัทมองเห็นถึงโอกาสในการขยายตลาดเข้าไป โดยที่หลังจากเปิดสำนักงานขายที่กวางโจวและเซี่ยงไฮ้แล้ว บริษัทจะรอดูกระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวจีนว่าเป็นอย่างไร เพื่อที่จะขยายสำนักงานขายแห่งใหม่ไปยังเมืองอื่นๆในประเทสจีน  หวังสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ของบริษัทเพิ่มมากขึ้น” นายไลโอเนล กล่าว

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่ารายได้รวมจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้  5,000 ล้านบาท โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมโอนโครงการ The Loft อโศก และโครงการ The Loft สีลม ที่ขายไปแล้ว 90% ทั้ง 2 โครงการ ซึ่งจะทยอยโอนในช่วงปลายปีนี้ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่  8,5000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะทยอยโอนในช่วงครึ่งปีหลัง 3,500-4,000 ล้านบาท หลังจากที่ครึ่งปีแรกมีการรับรู้รายได้จาก Backlog ไปแล้ว 1,300 ล้านบาท

 

 

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*