กลุ่มเจ้าสัวเจริญ ฟันธงโครงการ “วัน แบงค็อก” อยู่ในกรอบลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท หวังเชื่อม 5 โครงการในเครือ สร้างการเปลี่ยนแปลงย่านพระราม4  พร้อมเปิดให้บริการมิกซ์ยูสเฟสแรกปี66 เผยราคาขายคอนโดฯไม่ถึง 700,000 บาท/ตารางเมตร ส่วนโรงแรมอีก 4 แห่ง คาดได้เชนบริหารครบไม่เกินกลางปี63 และพร้อมเปิดให้บริการทั้งโครงการภายในปี69
นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด  เปิดเผยว่าแม้ปัจจุบันปัจจัยต่างๆทั้งภายในและภายนอกยังมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง แต่บริษัทยังมั่นใจเดินหน้าพัฒนาโครงการ “วัน แบงค็อก” (One Bangkok)ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์  และมั่นใจว่าจะใช้เม็ดเงินอยู่ในกรอบการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท  ซึ่งได้รวมปัจจัยต่างๆ แนวโน้มต้นทุนก่อสร้างและค่าแรงที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น อีกทั้งการลงทุนโครงการ “วัน แบงค็อก” เป็นการลงทุนในระยะยาวของบริษัทฯ ซึ่งคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น พร้อมกับการมุ่งหวังสร้างการเปลี่ยนแปลงบนถนนพระราม 4 ให้คึกคักมากขึ้น และเชื่อมต่อไปยังโครงการต่างๆในเครือทั้ง 5 โครงการ ได้แก่ PARQ, FYI, ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติต์  สามย่านมิตรทาวน์ และ วัน แบงค็อก

สำหรับควาบคืบหน้าการพัฒนาโครงการ “วัน แบงค็อก” (One Bangkok) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 104 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 120,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์  จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้  โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย)จำกัด ของกลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ขณะนี้งานเสาเข็มในส่วนของอาคารแรกได้ดำเนินการสำเร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอาคารสูง 50 ชั้น โดยชั้น 1-25 จะเป็นในส่วนของโรงแรมหรู “เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน” ระดับ 6 ดาว ที่ได้เซ็นสัญญากับกลุ่มแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 259 ห้อง ด้านราคาเข้าพักขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษา จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ส่วนชั้น 26-50 จะเป็นพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย คอนโดฯหรูระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ขนาด 2-4 ห้องนอน พื้นที่เริ่มต้นตั้งแต่  130 ตารางเมตรต่อยูนิต จำนวน 110 ยูนิต โดยทางบริษัทจะดำเนินการบริหารเอง โดยอาคารดังกล่าวใช้งบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งพร้อมที่จะเปิดตัวเฟสแรกได้ในปี 2566

“การเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในโครงการ “วัน แบงค็อก” เฟสแรก ที่มีทั้งหมด 110 ยูนิต จะเปิดตัวในปี 2563 โดยที่ราคาขายจะเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับโครงการคอนโดมิเนียมที่ขายบนทำเลถนนวิทยุ ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่มีราคาขายสูงที่สุดในกรุงเทพฯ โดยที่ราคาขายโครงการคอนโดมิเนียมในโครงการวัน แบงค็อก คงไม่ถึง 700,000 บาท/ตารางเมตร เนื่องจากทำเลดังกล่าวไม่ค่อยมีซัพพลายมากนัก โดยกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อคอนโดมิเนียมในโครงการวัน แบงค็อก แบ่งเป็น ลูกค้าชาวไทย 70% และลูกค้าชาวต่างชาติ 30%” นายปณต กล่าว

ส่วนโรงแรมที่เหลืออีก 4 แห่ง จะทยอยเซ็นสัญญากับเชนบริหารไม่เกินกลางปี 2563 นี้ ซึ่งจะเป็นเชนบริหารที่เหมาะสมกับลักษณะของโรงแรมในโครงการวันแบงค็อกที่เป็นรูปแบบ Business Hotel, Boutique และ Luxury โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ทั้งหมดภายในปี 2569  ซึ่งโรงแรมทั้ง 5 แห่งนี้ จะมีห้องพักรวมทั้งสิ้น 1,100 ห้อง  โดยการลงทุนของโครงการดังกล่าวแบ่งสัดส่วนเป็นทุนของบริษัท 40% และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 60%

 

ซึ่งโรงแรมทั้ง 5 แห่งนี้ จะมีหลายเซกเมนต์ให้เลือก ซึ่งจะจับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไป ทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกมากขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้าที่เป็นคนไทยก็สามารถใช้บริการในส่วนของห้องประชุม และห้องอาหารต่างๆในโรงแรมได้ด้วยเช่นกัน โดยจะเน้นลูกค้าต่างชาติ 70-80% ที่เหลือจะเป็นลูกค้าคนไทย

 

โครงการนี้ถือเป็นความท้าทายของเรา และยังได้ทำงานร่วมกับกทม.และหน่วยงานอื่นๆในย่านพระราม4 ในการวางผังถนนพระราม4 เพื่อเอื้อต่อการคมนาคมที่สะดวกสบาย และ วัน แบงค็อก ถือเป้น 1 ใน 5 โครงการหลักของเราในทำเลพระราม4 นี้”นายปณต กล่าวในที่สุด

ด้านนางสาวซู หลิน ซูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วัน แบงค็อก (One Bangkok) กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัท คือ การยกระดับสถานะของกรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางทางธุรกิจแห่งใหม่ที่จะได้รับการยอมรับในระดับโลก จากมุมมองที่ได้เรียนรู้ผ่านย่านสำคัญต่างๆ ของมหานครทั่วโลก ทำให้ตระหนักว่าการสร้างและผสานพื้นที่ของ “วัน แบงค็อก” ตามคอนเซ็ปต์มิกซ์ยูสนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เปี่ยมด้วยพลังและไม่มีวันหลับใหล ด้วยขนาดที่ใหญ่ของโครงการ บริษัทจึงวางแผนการใช้งานพื้นที่ไว้อย่างหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม และที่พักอาศัย พร้อมด้วยพื้นที่ส่งเสริมการศึกษา การพักผ่อน สุขภาพ รวมถึงพื้นที่สำหรับศิลปะและวัฒนธรรม มีพื้นที่สาธารณะซึ่งเปิดให้ทุกคนเข้ามาได้ โดยมุ่งหวังว่าการผสานพื้นที่ให้หลากหลายเช่นนี้จะสร้างแลนด์มาร์คที่สมบูรณ์แบบ เปี่ยมด้วยศักยภาพในการดึงดูดองค์กรชั้นนำและเป็นสถานที่ยอดปรารถนาของนักท่องเที่ยวและคนไทยอย่างแน่นอน

สำหรับมาสเตอร์แพลนของ “วัน แบงค็อก” จะผสาน 5 หัวใจหลักของโครงการไว้เป็นหนึ่งเดียวและยังให้ความสำคัญอันดับแรกๆ กับการเข้าถึงและการเดินทางอย่างสะดวกสบาย ตัวโครงการเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลุมพินี สะดวกต่อการเดินเข้าถึงทุกจุดของโครงการ พร้อมทางเข้าออกรอบโครงการถึง 6 จุด จากฝั่งถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 รวมถึงทางเชื่อมโดยตรงกับทางด่วนซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการอนุมัติ ทางเข้าออกเชื่อมต่อโดยตรงกับชั้นใต้ดินซึ่งใช้ระบบบริหารจัดการจราจรอย่างชาญฉลาด ช่วยให้การหมุนเวียนด้านการจราจรภายในสะดวกง่ายดาย ทำให้ถนนหลักภายในโครงการปลอดโปร่งและปลอดภัยสำหรับคนเดินเท้า โดยวัน แบงค็อก มุ่งสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อคนเดินเท้าด้วยการออกแบบให้ถนนทุกสายและทุกซอยเชื่อมต่อกัน เรียงรายด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ งานศิลปะ และพื้นที่จัดกิจกรรม เชื่อมต่อทุกส่วนประกอบของโครงการเข้าไว้ด้วยกัน ทางเดินในโครงการก็จะร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอดแนวถนน ทำให้การเดินภายนอกท่ามกลางสภาพอากาศของกรุงเทพฯ สบายยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ในอาคารก็จะมีระบบปรับอากาศแบบประหยัดพลังงาน

ด้วยทำเลทองใจกลางเมือง “วัน แบงค็อก” มุ่งเป็นที่ตั้งบริษัทที่ทรงคุณค่าและน่าภาคภูมิใจในกรุงเทพฯ และจะเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจแห่งใหม่ ด้วยพื้นที่เช่าสุทธิของอาคารสำนักงานเกรดเอทั้ง 5 อาคารรวมกันกว่า 500,000 ตารางเมตร รองรับบุคลากรขององค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ได้มากกว่า 50,000 คน ออกแบบตามมาตรฐาน LEED และ WELL ติดตั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยกำหนดการก่อสร้างเป็นเฟสให้แล้วเสร็จในระหว่างปี 2566-2569 นอกจากนี้ อาคารสำนักงานทั้ง 5 อาคารยังสอดคล้องกับการใช้พื้นที่รูปแบบมิกซ์ยูสตอบโจทย์คนวัยทำงาน รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรอบด้าน ที่เชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิต ทั้งการทำงาน และการพักผ่อนได้อย่างลงตัว

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*