เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งฯเผยแผนปี62 รุกผุดแนวราบครึ่งปีหลัง 4 โครงการรวด รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกรอดูสถานการณ์การเมือง-เศรษฐกิจฟื้นตัว เนื้อหอมต่างชาติสนร่วมทุนพัฒนาโครงการ ล่าสุดเปิดตัวบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ทิวา ปิ่นเกล้า สาย 5” มูลค่า 750 ล้านบาท เจาะกลุ่มเป้าหมายย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ไม่หวั่นรายใหญ่ปรับกลยุทธ์ชิงส่วนแบ่งตลาดแนวราบชานเมือง ชูความได้เปรียบเจ้าตลาดในพื้นที่ ลูกค้ารับรู้แบรนด์ ตั้งเป้ายอดขายรวมแตะ  2,800 ล้านบาท  และรับรู้รายได้ 1,800 ล้านบาท  
 
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน)หรือ NCH เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่การเมืองภายในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากเลือกตั้งแล้ว  และมีการตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมา เชื่อว่ารัฐบาลจะเดินหน้าสานต่อนโยบายที่ได้ผลักดันไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเรื่องระบบสาธารณูปโภคและโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ที่จะเป็นตัวผลักดัน และให้ภาคอสังหาฯได้รับอานิสงส์  เชื่อว่าผู้ประกอบการต่างๆอยากจะเห็นให้เกิดขึ้น และทุกภาคส่วนมีความเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าต่อ แต่ในบางเซกเตอร์ บางทำเล อาจจะมีปัญหาเล็กน้อย โดยเฉพาะคอนโดฯที่มีการซื้อทั้งเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน ทำให้มีซัพพลายสะสมมากขึ้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการระบายสินค้า ขณะเดียวกันก็หันมาทำแนวราบกันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีความแม่นยำในเรื่องดีมานด์ด้วย ไม่ใช่เข้ามาพัฒนาเพื่อแข่งขันเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันผู้ซื้อก็มีโอกาสที่จะซื้อสินค้าในราคาที่ถูก

 

“ภคอสังหาฯอาจจะมีการปรับตัวบ้าง จากปี 2561 ที่ชะลอตัวลง เพียงแต่ไตรมาส2/2562 ก็อาจจะมีผลกระทบจากมาตรการกำกลับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-value : LTV) บ้าง ซึ่งทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคก็ต้องมีการปรับตัวได้บ้างแล้ว หลายบริษัทก็ต้องเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการของNCH ที่ส่วนใหญ่เน้นแนวราบถึง 90% ที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้ออยู่อาศัยเอง   และบริษัทฯยังเดินการพัฒนาโครงการตามแผนปีละ 4-5 โครงการ” นายสมนึก กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในครึ่งปีหลัง 2562 จะเปิดตัว 3-4 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยเป็นการพัฒนาโครงการแนวราบชานเมืองทั้งหมด ในโซนเหนือ โซนตะวันตก และโซนใต้  โดยในครึ่งปีแรกไม่ได้เปิดตัวโครงการใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากรอดูสถานการณ์ทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึงการเน้นระบายสต๊อกเก่าที่มีอยู่ให้หมด

นอกจากนี้ได้มีกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติในประเทศแถบเอเชีย ทั้งจีน สิงคโปร์ และญี่ปุ่น เข้ามา เจรจาที่จะร่วมทุนพัฒนาโครงการกับบริษัท เนื่องจากมีความต้องการที่จะทำตลาดกับคนไทย ซึ่งในมุมมองของบริษัทฯนั้นหากได้เทคโนโลยีจากต่างชาติเข้ามาเสริม ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในอนาคตและเสริมความแกร่งในการดำเนินธุรกิจได้ แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ทิวา ปิ่นเกล้า สาย 5”  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 25 ไร่  พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ขนาด 56-80 ตารางวา ราคา 6.4-13 ล้านบาท จำนวน 52 ยูนิต และบ้านแฝด ขนาด 38 ตารางวา ราคา 4.5-4.8 ล้านบาท จำนวน 78 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท โดยได้เปิดพรีเซลเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนทำงานในพื้นที่นครปฐม,สมุทสาคร และกทม. คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 2.5-3 ปี

ในปี 2562 นี้พบว่า ทำเลดังกล่าว มีผู้ประกอบการหันมาเปิดตัวโครงการแนวราบมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาพัฒนาทุกบริษัท  ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น จึงหาที่ดินในการพัฒนาได้ยากขึ้น หากรายใดต้องการจะพัฒนาโครงการ ก็ต้องขยายพื้นที่ที่ไกลออกไปอีก ซึ่งมองว่าการมีการแข่งขันที่มากถือเป็นสิ่งที่ดี จะทำให้ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่วนผู้บริโภคก็จะรับอานิสงส์ มีสินค้าให้เลือกที่หลากหลาย

“การเปิดโครงการใหม่ ในโซนตะวันตก เป็นทำเลที่ เอ็น.ซี.ฯ มีความเชี่ยวชาญ และ มีฐานลูกค้าที่ใหญ่ในทำเลนี้ ประกอบกับแบรนด์ เอ็น.ซี.ฯ เป็นที่ยอมรับ และได้รับความมั่นใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์ ที่มีการทำโครงการแนวราบ ทำเลนี้มาอย่างต่อเนื่องถึง  5  โครงการแล้วด้วยกันมีสินค้ารองรับตลาดในโซนนี้ ที่ครอบคลุมทั้ง ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และ บ้านเดี่ยว   ลูกค้าให้ความไว้วางใจ เชื่อมั่น เอ็น.ซี.ฯถือเป็นแบรนด์ที่ดี ของทำเลย่านนี้”นายสมนึก กล่าว

อย่างไรก็ตามในปี 2562 นี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่  2,800 ล้านบาท  และรับรู้รายได้ 1,800 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*