อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ฯประกาศแผนร่วมทุนพันธมิตรญี่ปุ่น ครีทกรุ๊ปหลังสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทย เปลี่ยนความคิดใหม่ กล้าลงทุน นำนวัตกรรมเสริมความแกร่งธุรกิจ นำร่องโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทรท่าพระมูลค่า2,400 ล้านบาท คาดฟันยอดขาย 70% ภายในปลายปี62 ครึ่งปีหลังจ่อผุดอีก 2 โครงการใหม่ ทั้งแนวราบ-แนวสูง ตามแผน
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด  เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในครึ่งปีหลัง 2562 ว่าแนวโน้มจะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก 2562 และช่วงปลายปี 2561 เนื่องจากการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นการซื้อขายที่อยู่อาศัยคงขึ้นอยู่กับสินค้าว่า สามารถตอบโจทย์ดีมานด์ได้มากน้อยเพียงใด

 

สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯยังคงเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์หลักที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาโครงการบนที่ดินทำเลดีใจกลางเมืองและไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาและแผนการขยายงานในอนาคตจะยังคงยึดในแนวทางดังกล่าวเป็นหลักโดยอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทฯเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ในเวทีระดับโลก

 

ล่าสุดบริษัทได้ร่วมทุน(Joint Venture Agreement) กับ ครีทกรุ๊ป(Creed Group) บริษัทที่มากประสบการณ์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ จากญี่ปุ่นและพัฒนาผลงานที่เติบโตอย่างมาก ตั้งแต่ปี2555 เป็นต้นมา ทั้งในญี่ปุ่น และภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาอินโดนีเซีย สปป.ลาวและ บังกลาเทศ นับเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม(GDV) แล้ว กว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังมีแนวทางขยายการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นตลาดเป้าหมายที่สำคัญ

 

โดยการร่วมทุนดังกล่าว เป็นการตั้ง บริษัท อัลติจูด ครีท ตลาดพลู จำกัด ขึ้นมา ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ฯ ถือหุ้น 51% และครีทกรุ๊ป ถือหุ้น 49%  เพื่อพัฒนาโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์นสาทรท่าพระ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่  ในรูปแบบคอนโดมิเนียม ไฮไรส์ สูง34 ชั้น ขนาด23.64-69.28 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 2.19-4.8 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 100,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน711 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท  โดยจะเปิดพรีเซล ในวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2562 นี้ คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 70% ภายในปลายปี 2562 นี้ ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการได้ ในไตรมาส3/2562 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส3/2564

 

ทั้งนี้การร่วมพัฒนาโครงการดังกล่าว ในทำเลใกล้สถานีบีทีเอสตลาดพลูนั้น มองว่าด้วยราคาที่ดินยังไม่สูงมากนัก สามารถพัฒนาโครงการรองรับผู้ที่ทำงานย่านสาทรสีลม ได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับทำเลอ่อนนุช และกรุงเทพฯตอนเหนือ พบว่าราคาที่ดินและคอนโดฯ พุ่งสูงมาก จนดีมานด์ไม่มีกำลังซื้อพอ และโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทรท่าพระยังได้นำนวัตกรรมจากญี่ปุ่นมาใช้ในเรื่องของฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มพื้นที่ ส่วนการทำตลาดนั้น สไตล์การดำเนินงานของอัลติจูดฯจะไม่เน้นลูกค้าชาวต่างชาติมากนัก แต่ด้วยการที่โครงการดังกล่าว มีพันธมิตรญี่ปุ่นมาร่วมทุน ซึ่งมีเครือข่ายเอเยนซี่จากหลายประเทศ รวมทั้งจีนด้วย จึงสร้างความแกร่งให้กับโครงการดังกล่าวมากขึ้น โดยมั่นใจว่าลูกค้าที่ซื้อโครงการนี้ จะเป็นกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก

 

ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการไทยร่วมทุนพัฒนากับต่างชาติเป็นจำนวนมาก แต่ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่พันธมิตร ทั้งนี้ผู้ที่ตัดสินใจที่แท้จริงคือลูกค้า ซึ่งการทำงานร่วมกันครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นการเปิดมิติการลงทุน และการขยายธุรกิจ ที่อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ฯ และครีทกรุ๊ป มองถึงการเติบโตที่เดินหน้าไปพร้อมกัน ทั้งการเพิ่มมูลค่าให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาฯของบริษัทเอง และการผลักดันรายได้ และกำไร ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต” นายชยพลกล่าว

ด้านนายโตชิฮิโกะ มูเนโยชิ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ครีท กรุ๊ป กล่าวว่า ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น ทั้งในรูปแบบอาคารสำนักงาน ,การซื้ออสังหาฯแล้วมาปรับปรุงเพื่อขายต่อ ,การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเอง มากกว่า 150 อาคาร ในญี่ปุ่น รวมไปถึงธุรกิจรีเทลอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในหลายประเทศและประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 11 ของโลก ที่ทางกลุ่มเข้ามาลงทุน และถือเป็นประเทศที่ 9 ในเอเชีย และอันดับ 7 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแต่ละปีจะใช้เม็ดเงินลงทุนรวมประมาณ150 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี โดยไม่จำกัดว่าแต่ละประเทศต้องลงทุนด้วยเม็ดเงินเท่าไร โดยปีนี้ใช้เม็ดเงินลงทุนไปแล้ว 60-70 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการลงทุนในประเทศเวียดนาม และกัมพูชา มากที่สุด

 

โดยสาเหตุที่เพิ่งมาลงทุนในประเทศไทย เพราะที่ผ่านมามองว่าการเมืองในประเทศไทยยังไม่สงบ แต่เมื่อได้มีโอกาสพบกับกลุ่มอัลติจูดฯ จึงมีความเข้าใจ และเปลี่ยนความคิดเดิม มีความเชื่อมั่นในความต้องการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น จึงเกิดการ่วมทุนในรูปแบบของที่อยู่อาศัยขึ้นมากก่อนเป็นโครงการแรก หากประสบความสำเร็จ ก็จะมีการร่วมทุนในโครงการต่อเนื่องอย่างแน่นอน ซึ่งในอนาคตก็สนใจที่จะพัฒนาโรงแรมเพื่อการขายและให้บริการรายคืน ทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นด้วย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล

 

“ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของภูมิภาคเรามุ่งเน้นลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมในทำเลที่กำลังมาแรง และต้องเป็นโครงการที่น่าสนใจ มอบสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ซึ่งโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์นสาทรท่าพระ นั้น ตอบโจทย์ และเป็นโครงการร่วมทุนแรกกับอัลติจูดในประเทศไทยนายโตชิฮิโกะ กล่าว

 

นายชยพลกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2562นี้ บริษัทฯมีแผนการเปิดตัวทั้งส้ิน 5 โครงการ รวมมูลค่า 5,000 บาท ซึ่งขณะนี้ได้เปิดตัวไปแล้ว 3 โครงการ และในครึ่งปีหลังนี้จะมีการเปิดตัวใหม่อีก 2 โครงการ เป็นแนวราบ 1 โครงการ และคอนโดฯไฮไรส์ ร่วมทุนกับกลุ่มบิวตี้เจมส์อีก 1 โครงการซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในขณะนี้

 

 

     

 

     

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*