CCP มองอุตสาหกรรมคอนกรีตครึ่งปีหลัง 62 แนวโน้มดี รับอานิสงส์รัฐบาลใหม่ สานต่อ EEC ลุ้นโครงการภาครัฐ-เอกชนกลับมาคึกคัก ล่าสุดเจรจาพันธมิตรด้านโลจิสติกส์เข้ามาช่วยพัฒนาระบบ หวังลดปัญหาค่าขนส่ง เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปสเปคพิเศษ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หนุนงานเมกะโปรเจกต์เพิ่ม รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape รักษา Backlog 2,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2,500 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยถึงความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ว่า มีแนวโน้มที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่จะเดินหน้าลงทุน ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่องในงานโครงสร้างพื้นฐานโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor:EEC) อาทิ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรม อีกทั้งโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานถนน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ยังคงรอความชัดเจนหลังการจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังนี้

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2562 นี้ อยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้มีค่าขนส่งที่ถูกลง เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯยังเผชิญกับอุปสรรคของการขนส่งสินค้าที่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่สั่งซื้อสินค้ากับบริษัทยังไม่สามารถรับกับค่าขนส่งที่สูงไหว ทำให้ต้องหันมาพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางระบบราง ซึ่งได้รับประโยชน์จากโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นโครงการที่จะเป็นปัจจัยที่เข้าส่งเสริมต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของบริษัท ทำให้เดินหน้าเจรจากับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านโลจิสติกส์เข้ามาช่วยพัฒนาระบบ และอยู่ระหว่างการเจรจา โดยอาจจะเป็นในรูปแบบของการร่วมทุน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้


“เรามีสินค้าดี หลากลาย มีการตลาดที่ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นปัญหา คือ การส่งของที่ลูกค้ารับราคาค่าขนส่งไม่ไหว ทำให้ต้องหันมาพัฒนาระบบโสจิสติกส์ของบริษัทฯ ในปีนี้ ซึ่งดูการพัฒนาระบบโสจิสติกส์ในระบบรางที่รอความขัดเจนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงว่ามีคืบหน้าอย่างไรบ้าง และก็เจรจากับพันธมิตรเพื่อเข้ามาช่วยพัฒนาระบบ ซึ่งหากเราพัฒนาได้ก็จะทำให้ปัญหาด้านการขนส่งคลี่คลายลง และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น”นายอาทิตย์ กล่าว

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2562 ยังมั่นใจว่าจะมีกำไร จากปีก่อนที่ผลการดำเนินงานของบริษัทยังขาดทุนประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากภาระดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง จากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อนำไปลงทุนในบริษัทลูก โดยเฉพาะการนำเงินกู้ยืมไปลงทุนในบริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ทำให้ CCP ซึ่งเป็นบริษัทแม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงเพียงบริษัทเดียว ทำให้ในปีนี้หลังจากที่ SMART เริ่มกลับมามีกำไรแล้วจะมีการจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่ง CCP ถือหุ้นใน SMART สัดส่วน 28.76% จะนำเงินปันผลที่ได้มาใช้ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน ที่ปัจจุบันมีหนี้สินของสถาบันการเงินอยู่ประมาณ 800 ล้านบาท ทำให้มีหนี้สินและภาระดอกเบี้ยลดลง และทำให้มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงต่ำกว่า 1 เท่า จากสิ้นไตรมาส 1/62 ที่ 1.29 เท่า ทำให้ส่งผลบวกต่อการกลับมามีกำไรของบริษัท

ด้านผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2562 หลังจากที่บริษัทหันไปเน้นการขายผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ให้กับงานโครงการภาครัฐมากขึ้น พร้อมกับมีการออกผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ที่เป็นรางน้ำใหม่ออกมา ซึ่งลูกค้ามีความต้องการใช้มากและให้การตอบรับมาเป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายพรีคาสท์ของลูกค้า 51 รายแรก ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 400 ล้านบาท เข้าใกล้ยอดขายพรีคาสท์ทั้ชปีก่อนที่ทำได้ 650 ล้านบาท ทำให้ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นการขายผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ควบคู่ต่อไปด้วย

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของ CCP ในช่วงครึ่งปีหลัง มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปสเปคพิเศษให้สามารถรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน งาน Landscape ได้อย่างหลากหลาย เช่น ท่อคอนกรีตขนาดใหญ่พิเศษ แผงกั้นคอนกรีต เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ทั่วประเทศ อีกทั้งเพิ่มความสามารถในการทำกำไร พร้อมปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเน้นการเข้ารับงานภาครัฐ ในส่วนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขนาดใหญ่ งานกรมทางหลวง และเดินหน้าติดตามโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง อาทิ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด โครงการสนามบินอู่ตะเภา


ขณะที่งานเอกชนจะมุ่งเน้นเข้ารับงานนิคมอุตสาหกรรมที่ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมการเติบโตของกลุ่มผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายย่อยที่ขยายตัวค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางกลุ่มที่ยังคงมีการขยายงาน พร้อมเน้นเรื่องการพัฒนาสินค้ากลุ่มพรีคาสท์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้มีกระแสตอบรับที่ดีและเริ่มมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามา

สำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทในปัจจุบันแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready to Mix) 20% และสัดส่วนรายได้จากพรีคาสท์ 80% และมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20% พร้อมตั้งเป้ารายได้ในปี 2562 ที่ 2,500 ล้านบาท โดยที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 2,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% โดยบริษัทฯ จะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับ Backlog ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*