RICHY ออกหุ้นกู้มีหลักประกันมูลค่า1,100 ล้านบาทอายุ 2 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ระดับ 6.10% ต่อปี และชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 12-14 และ 17 มิ.ย.นี้ เตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนรองรับแผนขยายธุรกิจให้เติบโตก้าวกระโดด

ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY เปิดเผยว่า บริษัทฯจะเสนอขายหุ้นกู้ที่มีหลักประกัน มูลค่ารวม 1,100 ล้านบาท(ลบ.)โดยมีอายุ 2 ปี 9 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2565 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.10% ต่อปี ซึ่งจะชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุของหุ้นกู้ ขณะที่จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 12-14 และ 17 มิ.ย.2562 โดยมี บล.เอเซีย พลัส และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

การเสนอขายหุ้นกู้มีหลักประกัน บริษัทฯจะนำเงินที่ได้รับไปไถ่ถอนหุ้นกู้ของบริษัทฯมูลค่า 527.80 ล้านบาทภายในเดือนส.ค.2562 ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินทุนหมุนเวียนและรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อไป

ดร.อาภา ยังกล่าวต่อถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ ในครึ่งปีแรกของปี 2562 ว่าสถานการณ์โดยรวมเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะสามารถฟื้นตัวได้หลังจากปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าการลงทุนของภาครัฐและเอกชนจะเดินหน้าได้ ดังนั้นจะช่วยสนับให้ธุรกิจที่อยู่อาศัยดีขึ้น

สำหรับปีนี้ บริษัทฯได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,000 ล้านบาท โดยจะเปิดโครงการใหม่ จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,180 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ เดอะริช เอกมัย, โครงการ เดอะริช พระราม 9, โครงการ เดอะริช Point, โครงการ Senior Care เป็นโครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น จะเปิดในช่วงปลายปีนี้ และอีก 1 โครงการ ซึ่งยังอยู่ระหว่างพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง พร้อมกันนี้บริษัทฯมีแผนจะขยายฐานลูกค้าต่างชาติเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าสัดส่วนยอดขายลูกค้าต่างชาติในปีนี้จะอยู่ที่สัดส่วน 30%จากปัจจุบันอยู่ที่ 20%

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส1/2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 71.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.34% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ  37.99  ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 448.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.59% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ  345.79 ล้านบาท

ทั้งนี้ การที่มีกำไรเติบโตสูงขึ้น เนื่องจากได้ทยอยรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชุดในพักอาศัย  จำนวน 417.89 ล้านบาท รวมทั้งการรับรู้รายได้จากโครงการทาวน์โฮมส์ จำนวน 25.70 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการอาคารชุดพักอาศัย ริชพาร์ค@ทริปเปิ้ลสเตชั่นที่มียอดรับรู้รายได้มากถึง 352.20 ล้านบาท ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่รอรับรู้รายได้เป็นปัจจัยสำคัญ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*