แสนสิริฯรับสงครามการค้ากระทบยอดขายลูกค้าต่างชาติ แต่ยังไม่ได้ประเมินตัวเลข มั่นใจLTVไม่มีมีผลกับลูกค้า เหตุเป็นคอนโดฯเปิดขายก่อนต..61 ล่าสุดทุ่มงบกว่า100 ล้านบาท เสริมทัพกลยุทธ์ด้านบริการครบวงจร ตามกระแสเทรนด์โลก เปิดตัว“Sansiri Home Care Card” เตรียมนำร่องให้บริการที่อยู่อาศัยไม่อายุไม่เกิน5 ปี ครอบคลุมกว่า50 โครงการพื้นที่กทม.-ปริมณฑล ในไตรมาส3/62
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริจำกัด(มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า จากกรณีสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ยอมรับว่ามีผลกระทบด้านยอดขายลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะจีนเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขได้เนื่องจากในช่วงไตรมาส1/2562 ยังไม่ได้มีการเปิดตัวคอนโดฯมากนัก จากปัจจุบันที่มีBacklog คอนโดฯรวมมูลค่า50,000 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ภายใน3 ปีโดยปีนี้คาดว่ารับรู้รายได้10,000 กว่าล้านบาท

ส่วนมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย(Loan to Value: LTV)ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หลังจากที่ประกาศใช้เมื่อวันที่1 เมษายน2562 ที่ผ่านมานันไม่มีผลกระทบกับลูกค้าของบริษัทฯ เนื่องจากที่ผ่านมีการปรับแผนเตรียมพร้อมด้วยการร่วมมือกับสถาบันการเงิน6-7 แห่งในการตรวจสอบเอกสารในขั้นต้น  เพื่อที่จะผ่านขั้นตอนการพิจารณาได้ง่ายขึ้นมาโดยตลอด อีกทั้งคอนโดฯที่จะทำการโอนในปี2562นี้จำนวน 10 โครงการ ล้วนเป็นคอนโดฯที่เปิดการขายก่อนเดือนตุลาคม2561 จึงเชื่อว่าลูกค้าในส่วนนี้จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ส่วนคอนโดฯหลุดดาวน์หลุดโอน ก็มีบ้างแต่ขณะนี้ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการดีไซน์และพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพแล้วพบว่าปัจจุบันเทรนด์อสังหาฯทั่วโลกได้รุดหน้าไปไกล โดยลงมาแข่งขันกันพัฒนาบริการที่ดีเพื่อการอยู่อาศัย เนื่องจากดีไซน์สวยงามและคุณภาพกลายเป็นบรรทัดฐานที่แตกต่างกันไม่มากในตลาดโลกไปแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับรายงานเรื่องปรับเกมกลยุทธ์ธุรกิจอสังหาฯพิชิตใจผู้บริโภคยุค4.0 โดย Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ จากการสำรวจพบว่ากว่า 90% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าบริการมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน  ซึ่งบริษัทฯเล็งเห็นว่าประเทศไทยกำลังเริ่มก้าวสู่ในจุดที่มาตรฐานด้านดีไซน์และคุณภาพของวัสดุมีพัฒนาการทางการแข่งขันทัดเทียมกันมากขึ้นถึงจุดที่เป็น Red Ocean โดยคาดการณ์ว่าเกมการแข่งขันขั้นต่อไปของวงการอสังหาฯจะเป็นการแข่งขันด้านการพัฒนาบริการที่ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขึ้น บริษัทฯจึงรุกกลยุทธ์ในการสร้าง Brand Differentiation ที่จะนำเสนอบริการคุณภาพที่เหนือกว่าเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดการอยู่อาศัย

สำหรับแผนกลยุทธ์ด้านบริการในปี2562 บริษัทฯได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ด้วยการนำเทรนด์และอินไซต์ของลูกบ้านมาพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อทำให้บ้านของแสนสิริเป็นมากกว่าบ้าน สามารถตอบโจทย์ทุกช่วงการอยู่อาศัยได้ในทุกระดับเซกเมนต์ จึงริเริ่มพัฒนาบริการดูแลรักษาบ้านหลังการอยู่อาศัยล่าสุดเป็นครั้งแรกในไทยที่จะมาเสริมศักยภาพด้านบริการภายใต้หมวดHome Care ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั้งในด้านของการดูแลรักษาเชิงป้องกัน(Preventive) โดยเปิดตัวคู่มือดูแลบ้าน(Maintenance Guide) ที่รวบรวมวิธีดูแลรักษาบ้านที่ลูกบ้านสามารถทำเองได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น Sansiri Home Service พร้อมแจ้งกำหนดการดูแลรักษาและแจ้งเตือนล่วงหน้าได้โดยตั้งเป้าขยายบริการให้ครอบคลุมกว่า164 โครงการภายในไตรมาส2 ของปีนี้

ในส่วนของการดูแลซ่อมบำรุง(Maintenance) กับครั้งแรกของการเปิดตัว Sansiri Home Care Card” แพ็กเกจต่อประกันบ้านหลังหมดระยะประกันแบบรายปีโดยแบ่งเป็น3 แพ็กเกจได้แก่

แพ็กเกจซิลเวอร์ ครอบคลุม 5 หมวดบริการ

แพ็กเกจโกลด์ ครอบคลุม 6 หมวดบริการ

แพ็กเกจแพลทินัม ครอบคลุม 7 หมวดบริการ

ในราคาเริ่มต้นเพียงปีละ3,500-59,000  บาท เตรียมนำร่องให้บริการในไตรมาส 3 ของปีนี้ครอบคลุมกว่า50 โครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ ในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล ซึ่งจะเร่ิมให้บริการที่อยู่อาศัยที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปีก่อน โดยเบื้องต้นสามารถใช้บริการได้ผ่านช่องทางแสนสิริคอลเซ็นเตอร์โทร. 1685 และภายในไตรมาสแรกของปี2563 ตั้งเป้าพัฒนาระบบให้สามารถจ่ายเงินค่าบริการและตรวจสอบสถานะการบริการแบบละเอียดในทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มทำงานจนจบงานผ่านทางแอพพลิเคชั่นSansiri Home Service อีกด้วยโดยคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการSansiri Home Care Card  มากกว่า 1,600 ราย ภายในปี2563 และบริการแบบรายครั้งในราคาเริ่มต้นเพียง 300 บาท นอกจากนี้ยังมีบริการดูแลรักษาบ้านที่ยังอยู่ในช่วงระยะประกันตรวจเช็คสุขภาพบ้านโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากพันธมิตรชั้นนำในทุกโครงการของแสนสิริ อย่างกิจกรรมรักษ์สุขภาพบ้านที่ทำอย่างต่อเนื่องมานานกว่า5 ปี

สำหรับด้านความปลอดภัยในการอยู่อาศัยจากรายงานเรื่องปรับเกมกลยุทธ์ธุรกิจอสังหาฯพิชิตใจผู้บริโภคยุค4.0 โดยEconomic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)หรือ SCB พบว่าเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยยังแนวโน้มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันมากขึ้นพบว่าราว 77% ของผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 7,000 คนต้องการระบบเตือนภัยอัจฉริยะภายในที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการสำรวจรวบรวมข้อมูลโดย KANTAR TNS พบว่าปัจจัยบริการด้านความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม(Good Security Service) เป็นปัจจัยที่ลูกค้าให้ความสำคัญอย่างสูงในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ(Extremely Important) ในช่วงตลอด2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะล่าสุดปี2561 เพิ่มขึ้นประมาณ7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เพิ่มความไว้วางใจและอุ่นใจในการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านในปี2561 ได้แก่Sansiri Security System รวมถึงSmart Command Centre

แสนสิริ เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ด้านการบริการของเราในปีนี้ จะช่วยตอกย้ำวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของแสนสิริ ในการพัฒนาการบริการที่สะดวกรวดเร็วและสามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกบ้านได้ตรงจุดมากขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์ความสุขให้สมบูรณ์แบบตลอดการเดินทางของชีวิตของลูกบ้านแสนสิริ ทั้งก่อนและหลังการขายและตลอดการพักอาศัยในที่อยู่อาศัยของแสนสิรินายอุทัยกล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*