กลุ่มปัญทรัพย์ผนึกกลุ่มแค๊ปสโตนฯ ซื้อที่ดินจากตระกูลสุทัศน์ ณ อยุธยา ผุดโครงการซูเปอร์ลักชัวรี่ “ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์” มูลค่า 2,900 ล้านบาท คาด 3 เดือนฟันยอดขาย 50% ด้านซีบีอาร์อีฯเผยที่ดินฟรีโฮลด์ทำเลCBD เริ่มหายาก ผู้ประกอบการแห่เสนอราคาสูงลิ่ว ระบุรอบ  5 ปี ราคาอสังหาฯปรับสูง 8-10% มั่นใจโครงการหรูตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดอสังหาฯซบมา 2-3ปี แต่การพัฒนาต้องจับตลาดให้พบ พัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์  โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการย่านใจกลางเมืองที่เป็น Freehold ย่านใจกลางเมืองค่อนข้างหายาก ดังนั้นเมื่อพัฒนาโครงการขึ้นมาจะต้องสร้างมูลค่าได้มาก ล่าสุดจึงได้ร่วมทุนกับบริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด ในสัดส่วน 50:50 ก่อตั้งบริษัท ต้นสน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 310 ล้านบาท พัฒนาโครงการ  “Tonson One Residence” (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์) ซึ่งถือเป็นการพัฒนาโครงการแนวสูงครั้งแรกของกลุ่มปัญจทรัพย์ โดยโครงการดังกล่าวเป็นการซื้อที่ดินมาจากตระกูลสุทัศน์ ณ อยุธยา ด้วยราคา 2.5 ล้านบาท/ตารางวา บนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ สูง 29 ชั้น ขนาด 57-387.50  ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 20-170 ล้านบาท หรือ 200,000-500,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 80 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 9 มิถุนายน  2562 นี้
โดยมอบหมายให้บริษัท ซีบีอาร์อี(ประเทศไทย)จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการ ขณะนี้มีผู้สนใจลงทะเบียนแล้วประมาณ 500 ราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย จะมีต่างชาติประมาณ 10-20% คาดว่าภายในระยะเวลา 3 เดือน จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 50% และสามารถปิดการขายทั้งหมดได้ภายในปี 2563  ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการได้ในปลายปี 2562 และแล้วเสร็จในไตรมาส1/2566  ทั้งนี้หากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ และยังมีแนวความคิดที่ตรงกัน ก็อาจจะมีการพัฒนาโครงการต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งคงจะเป็นการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาพัฒนาต่อโครงการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ “การร่วมมือในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเราที่มุ่งเน้นยกระดับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวคิดใหม่ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยที่มีความพิถีพิถันและมีรสนิยมอย่างแท้จริง ด้วยจุดเด่นดังกล่าวและความสามารถของทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เรามีความมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะประสบความสำเร็จ และสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบนทั้งคนไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี”นายศุภโชค กล่าว

นายฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท
จำกัด กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์และความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายที่ผ่านมาของทีมงาน และมุมมองทางธุรกิจที่เหมือนกัน จึงมีความมั่นใจในการร่วมทุนครั้งนี้ ภายใต้แนวคิดที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่มีคุณภาพโดดเด่น ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดของโครงการ ทั้งในด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่รักความเป็นส่วนตัว ด้วยคุณภาพในการถือครองกรรมสิทธิ์ Freehold บนทำเลทองซึ่งหาได้ยาก จึงมั่นใจว่าโครงการ Tonson One Residence จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองหรือแม้แต่เพื่อการลงทุนในระยะยาว

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินต่อตารางวาบริเวณย่านเพลินจิต หลังสวน ราชดำริ มีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่ดิน Freehold จะหาได้ยากมาก ดังนั้นเมื่อมีการเปิดประมูลราคาที่ดินผู้ประกอบการจะเสนอราคาที่ดินที่สูงกว่าทำเลอื่นๆ หากจะพัฒนาก็เหมาะสำหรับรูปแบบลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่  โดยในรอบระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ราคาอสังหาฯในย่านดังกล่าวจะปรับสูงขึ้น 8-10% ขณะที่โซนสุขุมวิท สีลม สาทร ในรอบระยะเวลา 10 ปีราคาอสังหาฯปรับขึ้นประมาณ 5%

ทำเลเพลินจิต หลังสวน ราชดำริ  จะต่างจากโซนอื่นในย่านสุขุมวิท ที่ผู้อยู่อาศัยจะเป็นคนรุ่นใหม่ มีกำลังซื้อและเช่าสูง เนื่องจากเป็นทำเลที่ใกล้แหล่งงาน ที่ในอนาคตจะมีอาคารสำนักงานที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จอีกเป็นจำนวนมาก  อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาต่อตารางเมตรจะสูงกว่าทำเลอื่นๆแต่อัตราการปล่อยเช่าไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน โดยห้องขนาด 1 ห้องนอน สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 60,000-80,000 บาท/เดือน ขณะที่ห้องขนาด 2 ห้องนอน ปล่อยเช่าในราคา 100,000 บาท/เดือน

และพบว่าในปีนี้ทำเลย่านลุมพินี ไม่มีซัพพลายเปิดใหม่ โดยโครงการ Tonson One Residence ถือเป็นโครงการแรกที่เปิดตัว จากในรอบ 10 ปี ที่มีโครงการระดับลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ เปิดตัวเพียง 7 โครงการ จากปัจจุบันตลาดลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ มีซัพพลายที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว คิดเป็น 6% ของตลาดรวม ขณะที่ซัพพลายที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จคิดเป็น 8%

“ในฐานะตัวแทนบริหารการขายของโครงการ Tonson One Residence มองว่าจุดขายของโครงการนี้เด่นชัดมากในเรื่องทำเลที่ตั้งบนซอยต้นสนเพราะเป็นที่ดินฟรีโฮลด์ที่แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วในย่านเพลินจิต หลังสวน ราชดำริ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินให้เช่าทั้งสิ้น อีกทั้ง ซอยต้นสนแต่เดิมเป็นซอยตัน ปัจจุบันเปิดทางเดินรถให้เชื่อมถนนสุขุมวิทและสารสิน ทำให้การเข้าออกสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ราคาเปิดตัวก็น่าสนใจเป็นอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงมั่นใจว่าโครงการ Tonson One Residence จะได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว จากกลุ่มผู้ซื้อทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักลงทุนระยะสั้น หรือผู้ที่คิดจะซื้อเก็บเป็นสินทรัพย์ระยะยาว หรือกลุ่มผู้อยู่อาศัยเอง เพราะหาไม่ได้อีกแล้ว”นางสาวอลิวัสสา กล่าวในที่สุด

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*