กลุ่มผู้ซื้อที่เป็นคนจีนยังคงเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการไทย ซึ่งมีข้อมูลบางอย่างทีน่าสนใจจากเว็บ 居外 (Juwai) เป็นข้อมูลที่จากการสำรวจสอบถามกลุ่มลูกค้าของทางเว็บ 居外 ที่เป็นคนจีนที่ต้องการหาซื้ออสังหาริมทรัพย์นอกประเทศจีน จากการสำรวจพบว่าประเทศไทยเป็นอันดับที่ 1 ที่เป็นประเทศที่คนจีนต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์มากที่สุดโดยกว่า 70.1% ต้องการรซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพื่อการลงทุน มีบ้างประมาณ 49.3% ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง แต่สุดท้ายแล้วก็เพื่อลงทุนนั่นแหละวัตถุประสงค์อื่นๆ นั้นไม่มากนัก

คนจีนที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศอื่นๆ ในอาเซียนนั้นต้องการซื้อเพื่อลงทุนเป็นหลักแทบทั้งนั้น แต่ประเทศในทวีปอื่นๆ พวกเขามีวัตถุประสงค์อื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาทั้งเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน เพื่อเอาสัญชาติ และเพื่ออยู่อาศัยเอง เป็นต้น

นายสุรเชษฐ กองชีพ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด เปิดเผยถึงสาเหตุที่ชาวจีนนิยมออกมาลงทุนหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์นอกประเทศจีนนั้นเพราะว่ารัฐบาลจีนออกกฎระเบียบมาควบคุมไม่ให้คนจีนซื้ออสังหาริมทรัพย์มากเกินไปจนซึ่งมีผลให้ราคาขายปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และรัฐบาลกังวลเรื่องของปัญหาฟองสบู่ราคาอสังหาริมทรัพย์ และโอเวอร์ซัพพลายที่ผู้ประกอบการแข่งกันสร้างโครงการออกมาและขายได้หมดในเวลาอันรวดเร็วแต่โครงการกลับไม่มีคนอยู่เมื่อสร้างเสร็จ เพราะผู้ซื้อซื้อเพื่อลงทุนหรือว่าซื้อเพราะหวังจะขายต่อในอนาคต เนื่องจากคนจีนที่เป็นชนชั้นกลางมีมากขึ้นแบบก้าวกระโดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและนโยบายของรัฐบาลที่ผลักดันให้คนจากชนบทหรือที่ห่างไกลเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่มากขึ้น รายได้พวกเขาก็มากขึ้นตามรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป

เมื่อรัฐบาลควบคุมการซื้ออสังหาริมทรัพย์คนจีนที่โดยพื้นฐานได้รับการปลูกฝังมาว่าต้องลงทุน การนำเงินฝากธนาคารไว้นั้นไม่ใช่การลงทุน การเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็น 1 ในรูปแบบการลงทุนที่พวกเขาสนใจ แต่พอรัฐบาลควบคุมตรงจุดนี้ พวกเขาจึงเริ่มมองหาที่อื่นๆที่เหมาะสมในการลงทุนต่อไปประเทศไทยจึงเป็นตัวเลือกที่พวกเขาสนใจและตัดสินใจเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยที่ราคาไม่แพง ผลตอบแทนดี (4 – 5% ต่อปี) รูปแบบโครงการสวยงาม แม้ว่าขนาดของยูนิตจะเล็กกว่าในประเทศจีน แต่พวกเขาไม่ได้สนใจตรงนั้น เพราะพวกเขาต้องการซื้อเพื่อลงทุนเท่านั้น

ช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมามีชาวต่างชาติเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมากขึ้นจริงๆ และมากขึ้นเท่าใดนั้นเราอาจจะตอบได้ยาก แต่การที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีการเปิดเผยข้อมูลออกมาว่าการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยโดยชาวต่างชาตินั้น มีแหล่งที่มาของเงินที่โอนเข้ามามาจากประเทศใดบ้าง และการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดของชาวต่างชาติในประเทศไทยนั้นต้องมีเอกสารจากทางธนาคารมายืนยันว่ามีการโอนเงินเข้ามาเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมจริง ไม่ใช่เอาเงินใส่กระเป๋าเข้ามาซื้อได้เลย ซึ่งการโอนผ่านธนาคารก็ทำได้ยากขึ้นโดยเฉพาะถ้าเป็นคนจีนที่โอนเงินออกจากประเทศจีน

เนื่องจากรัฐบาลจีนออกกฎมาให้คนจีน 1 คนสามารถโอนเงินออกนอกประเทศได้เพียง 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อคนต่อปีหรือประมาณ 1.5 ล้านบาทหรือมากกว่านี้ไม่มาก ดังนั้น มูลค่าการโอนเงินเข้ามาเพื่อโอนอสังหาริมทรัพย์หรือเพื่อวางเงินจอง ผ่อนดาวน์ในปีที่ผ่านมาจึงอยู่ที่ประมาณ 92,162 ล้านบาทโดยที่ประมาณ 43% เป็นเงินที่โอนมาจากฮ่องกงและจีน ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยใน 2561 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.14 ล้านล้านบาท มูลค่าของชาวต่างชาติที่ประมาณ 92,162 ล้านบาทนั้นจึงคิดเป็น 8% ของมูลค่าทั้งประเทศไทยในปีที่ผ่านมาเท่านั้นเอง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังไงก็ยังต้องหวังพึ่งคนไทยมากกว่าชาวต่างชาติ

มูลค่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเปรียบเทียบกับมูลค่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติในประเทศไทย

ชาวต่างชาติโดยเฉพาะที่เข้ามาในประเทศไทยในช่วงหลังๆ นั้นมาในรูปแบบของการเดินทางเข้ามาด้วยตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่ในลักษณะมากับกรุ๊ปทัวร์แบบในอดีต ดังนั้น ที่พักที่เป็นระบบ Sharing Economy แบบ Airbnb ได้รับความนิยมมากขึ้นจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ แต่ไม่ใช่กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่พวกเขาจะมีระบบ Sharing Economy ของพวกเขาเอง ผ่านทาง Ctrip ซึ่งมีรูปแบบคล้ายๆ กับ Agoda แต่ Ctrip ให้บริการต่อผู้ใช้ในประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่ง Ctrip มีเครือข่ายและการให้บริการแบบเดียวกับ Air BnB ด้วยเช่นกัน และได้รับความนิยมในกลุ่มคนจีนมากมาย คนจีนจำนวนไม่น้อยเลือกพักในที่พักที่เป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าแทนโรงแรม

แนวโน้มในอนาคตนั้นเชื่อว่าคนจีนจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น เพราะตอนนี้คนจีนที่มีพาสสปอร์ตนั้นมีไม่เกิน 10% ของคนจีนทั้งประเทศและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 240 ล้านคนในปี 2565  ซึ่งมีผลให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้นแน่นอน เพียงแต่ประเทศไทยพร้อมและทำใจยอมรับเรื่องที่ต้องพึ่งพาตลาดจีนได้หรือไม่ อีกทั้งทัศนคติต่อคนจีนนั้นควรจะเปลี่ยน เนื่องจากคนจีนที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในยุคที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังขยายตัวในระดับต้นๆ ของโลก เติบโตมาในยุคที่เทคโนโลยีของประเทศแซงหน้าหลายๆ ประเทศไปแล้ว และเติบโตมาในยุคสังคมไร้เงินสดแบบสมบูรณ์แบบ คนจีนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่อาจจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศอื่นๆ ที่พวกเขาไปเยือนทั้งไปเที่ยวและทำงาน เพราะว่าพวกเขามีฐานะดี และไม่คุ้นชินกับระบบอะไรบางอย่างที่ล้าหลังกว่าในประเทศตนเอง ดังจะเห็นได้จากร้านค้าหรือบริการหลายอย่างในประเทศไทยที่จำเป็นต้องมีระบบรองรับสังคมไร้เงินสดที่แพร่หลายมาจากประเทศจีนตามกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามา นักท่องเที่ยวจีนในกลุ่มที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยด้วยตนเองเมื่อปีที่ผ่านมามีมากถึง 63%

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น ยังคงต้องพยายามเข้าใจและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนที่ตอนนี้ พวกเขามีเว็บไซท์ หรือ Influencer, Blogger ที่เป็นชาวจีนที่สร้าง Content เกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์มากมาย ดังนั้น พวกเขารับรู้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในลักษณะที่ไม่แตกต่างจากคนไทยมากนัก ไม่เหมือนในอดีตแล้ว การที่นายหน้าหรือผู้ประกอบการจะไปขายอะไรให้กับพวกเขานั้นจำเป็นต้องตรงไปตรงมาในรูปแบบเดียวกับที่ขายคนไทย เพราะพวกเขารับรู้ในเรื่องของราคา ทำเล หรือการเปลี่ยนแปลงของทำเลต่างๆ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าคนไทย เพราะคนที่สร้างสรรค์ Content เหล่านี้นั้นอยู่อาศัยในประเทศไทยมาไม่น้อยกว่า 3 – 4 ปี ดังนั้น รู้และสามารถหาข้อมูลต่างๆ ได้ไม่แตกต่างจากคนไทย

กลุ่มคนจีนที่น่าสนใจอีกกลุ่มคือ คนจีนที่อาศัยหรือใช้ชีวิตนอกประเทศจีน ซึ่งคนจีนกลุ่มนี้อาจจะได้สัญชาติสหรัฐ อเมริกา อียู ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือประเทศอื่นๆ เพราะเข้าไปลงทุนหรือทำตามนโยบายของประเทศนั้นๆ จนได้รับสัญชาติ คนจีนกลุ่มนี้จะมีอิสสระในการโอนเงินหรือเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์มากกว่าคนจีนที่อยู่ในประเทศจีน เพราะไม่ติดขัดในเรื่องของนโยบายที่ทางรัฐบาลจีนกำหนด คนจีนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ตัดสินใจง่าย และมีรสนิยมหรือว่าความชอบที่แตกต่างจากคนจีน เนื่องจากไปใช้ชีวิตในต่างประเทศนานจนเข้าใจและซึมซับความเป็นสากลมากกว่า

พร้อมกันนี้ นายสุรเชษฐ ยังให้ความเห็นว่า ผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้น ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองหรือพยายามใส่ความเป็นจีนหรือต่างชาติลงไปในโครงการตนเองมากเกินไป เพราะเมื่อพวกเขาที่เป็นคนจีนหรือจากประเทศใดก็ตามที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์นอกประเทศตัวเองนั้น พวกเขาไม่ได้ต้องการอะไรที่เหมือนกับในประเทศตัวเอง แต่ก็ต้องการความแตกต่าง ต้องการเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆ มากกว่าโครงการที่มีรูปแบบคล้ายกับในประเทศตนเอง สิ่งที่ต้องกังวลมากที่สุดในช่วงนี้คือ ค่าเงินหยวนที่ลดลงต่อเนื่อง และปัญหาการขึ้นภาษีนำเข้าของทั้งสหรัฐ อเมริกา และจีนที่มีผลกระทบต่อธุรกิจในประเทศจีนแน่นอน จากนั้นก็มีผลต่อเนื่องยังประเทศคู่ค้าที่มีการส่งวัตถุดิบบางอย่างไปยังประเทศจีน ซึ่งปัญหาในเรื่องของค่าเงิน และเศรษฐกิจนั้นต้องดูกันต่อไปว่าจะมีผลกระทบยาวนานขนาดไหน ตอนนี้อาจจะมองไม่ชัดและการที่นักท่องเที่ยวจีนมาประเทศไทยลดลงนั้นก็ไม่ใช่เพราะปัญหาจากเรื่องดังกล่าว แต่เกิดจากหลายปัจจัยประกอบกันมากกว่า


เกี่ยวกับ ฟีนิกซ์ฯ :
บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2562 ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ อาทิ การศึกษาตลาด การวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ปรึกษาโครงการ การทำวิจัยตลาดอสังหาฯ การพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาฯ ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจขายฝากอสังหาฯ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทในเครือยังรับทำ AR VR MR และเรื่องการศึกษาทั้งการจัดคอร์สอบรม สัมมนาโดยวิทยากีระดับประเทศหรือระดับโลกให้กับหน่วยงานราชการและเอกชนต่างๆ

 

เว็บไซต์                 : www.phoenixproperty.co.th

Facebook             : facebook.com/phoenixpropertythailand

Twitter                  : twitter.com/ThePhoenixTH

YouTube               : Phoenix Property Thailand Channel

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*