ALL” โชว์งบไตรมาส 1/2562 รายได้รวมกว่า 852 ล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 15 % เมื่อเทียบไตรมาส 1/2561 หลังบุ๊คยอดโอนกว่า 824 ล้านบาท มั่นใจผลงาน 3 ปีจากนี้ เติบโตปีละเท่าตัว ล่าสุด  ตุน Backlog กว่า 7,200 ล้านบาท และมีสินค้าเหลือขายในมือกว่า 12,000 ล้านบาท

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2562 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทฯมีรายได้รวม  852.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277.92 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 97.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.74 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.11% เมื่อเทียบจากปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ 4 โครงการ มูลค่ารวม 669.98 ล้านบาท

แบก Inventory กว่า 12,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าภาพผลประกอบการในอนาคตของ ALL หลังจากนี้ต่อไป จะมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2562 – 2564) บริษัทฯ คาดว่า แนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ มีการทยอยรับรู้ยอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีในมืออย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีโครงการที่รอการขาย ซึ่งสามารถสร้างยอดขายให้บริษัทฯ รวมถึงบริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตอีกหลายโครงการ  โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 บริษัทฯ โดยมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม ประมาณ 7,200 ล้านบาท จาก 13 โครงการในมือ ซึ่งในปี 2562 บริษัทฯ จะทยอยรับรู้ประมาณ 60 – 70% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2566 ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีสินค้าเหลือขาย (Inventory) ในมือมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าพร้อมโอนภายในปีนี้ ประมาณ 40%หรือประมาณ 4,800 ล้านบาทซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ทันทีหลังการขาย


สำหรับในปี 2562 บริษัทฯ จะมีโครงการคอนโดมิเนียมแล้วเสร็จ จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8,600 ล้านบาท
ประกอบด้วย

  1. โครงการ ไรส์ พระราม 9 (Rise Rama 9) มูลค่าโครงการ 1,594 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 1/2562
  2. โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว – นวมินทร์ (The Vision Ladprao – Nawamin) มูลค่าโครงการ 1,391 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 2/2562
  3. โครงการ อิมเพรสชัน ภูเก็ต (Impression Phuket) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 3/2562
  4. โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 (The Excel Hideaway Sukhumvit 71) มูลค่าโครงการ 1,596 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/2562

และ 5. โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 (The Excel Hideaway Sukhumvit 50) มูลค่าโครงการ 2,011 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/2562

คงแผนเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้ 6 โครงการมูลค่ารวม 18,250 ล้านบาท

ส่วนแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,250 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ในทำเลทองหล่อ 12 ทองหล่อ 16 และโครงการ อิมเพรสชัน เอกมัย (Impression Ekkamai) ส่วนอีก 3 โครงการ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ (Low Rise) ได้แก่ ทำเลสุทธิสาร ซอย 20 มิถุนา แยก 5 และลาซาล 83 ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินแล้วทั้งหมด เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ในช่วงไตรมาส1/2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย (Impression Ekkamai) พัฒนาภายใต้บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด (AHJ Ekkamai) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ALL ถือหุ้น 51% กับ Hoosiers Asia Pacific และ Kyushu Railway Company เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าและธุรกิจหลายด้านในประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้นในสัดส่วน 49% และโครงการในทำเลทองหล่อ (ทองหล่อ 16) พัฒนาภายใต้บริษัท เอจี ทองหล่อ 12 จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ALL ถือหุ้น 62% กับ Ground Property เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ ถือหุ้นในสัดส่วน 38% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี

ในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการบนพื้นที่ศักยภาพ เกาะแนวระบบขนส่งมวลชนระบบรางของกรุงเทพฯ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) ในรัศมี 1 – 2 กิโลเมตรจากสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงการออกแบบด้วยความทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ เน้นฟังก์ชันการใช้งาน พื้นที่ใช้สอย พื้นที่ส่วนกลาง และสิ่งแวดล้อมที่ดี มุ่งเน้นการอยู่อาศัยได้จริง ในราคาที่จับต้องได้

หวังเพิ่มสภาพคล่องจากเงินดาวน์พุ่งเป้าขายลูกค้าต่างชาติ 30 – 40%

ALL ได้แบ่งสัดส่วนการขายโครงการระหว่างลูกค้าต่างประเทศและลูกค้าภายในประเทศ ซึ่งบริษัทฯ มีนโยบายขายให้ลูกค้าต่างประเทศ ในสัดส่วน 30 – 40% เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้บริษัทฯ หลังการขาย ซึ่งบริษัทฯ สามารถเก็บเงินดาวน์ได้ทันที 30% ของราคาขายจากลูกค้าต่างชาติ เป็นกระแสเงินสดเข้ามาในบริษัทฯ ทันที ส่วนที่เหลืออีก 70% ลูกค้าต่างชาติ มักโอนด้วยเงินสด ทำให้หมดปัญหาเรื่องยอดปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

กลยุทธ์ดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในโมเดลทางการเงินของบริษัทฯ ที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน และสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อขยายกิจการได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในอนาคต

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*