คอลลิเออร์ส ฯ เผยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2562 มีประมาณ 20,757 ยูนิต รวมมูลค่าราว 40,972 ล้านบาท พร้อมระบุในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มีการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์สูงกว่า 50% โดยเฉพาะในกลุ่มของบ้านราคาถูก

 

นายภัทรชัย ทวีวงศ์  รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2562 พบว่าอุปทาน(Supply)ที่อยู่ระหว่างการขายที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 20,757 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 40,972 ล้านบาท จำแนกเป็น คอนโดมิเนียมประมาณ 20,039 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 39,982 ล้านบาท  หรือคิดเป็น 97% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งหมด และจำแนกเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 718 ยูนิต หรือเพียงแค่ 3% เท่านั้น ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 990 ล้านบาท

จากข้อมูลพบว่า จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 20,757 ยูนิต ขายไปแล้วประมาณ 12,905 ยูนิต หรือคิดเป็น 62.2% ของอุปทานที่อยู่ระห่างการขายทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ  25,473 ล้านบาท(ลบ.) และยังมีหน่วยเหลือขายอีกประมาณ 7,852 ยูนิต หรือคิดเป็น 37.8% ด้วยมูลค่าประมาณ  15,499 ล้านบาท

อดปฎิเสธสินเชื่อพุ่งกว่า 50 %

อย่างไรก็ตามพบว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2562   มีการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์สูงกว่า 50% โดยเฉพาะในกลุ่มของบ้านราคาถูก แนวโน้มยอดปฏิเสธสินเชื่ออาจเพิ่มขึ้นได้ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจยังฟื้นตัว ภาระหนี้ของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่านโยบายที่ออกมาล่าสุด คือมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียม สำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นที่ดินพร้อมอาคาร หรืออาคารที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านแถว สำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ราคาซื้อขายไม่เกิน 1 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 1 ล้านบาท กำหนดให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ 0.01% จากเดิม 2% ของราคาประเมินทุนทรัพย์ รวมถึงให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุด 0.01% จากเดิม 1% ของมูลค่าที่จำนอง ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงวันที่ 31 พ.ค. 2563 จะเป็นนโยบายที่ดีสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางที่ยังไม่สามารถเข้าถึงกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงนักได้ง่ายขึ้น

“จากการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ที่ยังค่อนค่างสูงและยังแนวโน้มยอดปฏิเสธสินเชื่ออาจเพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลให้นโยบายนี้ประชาชนอาจจะยังไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร”

จากข้อมูล แผนกวิจัย คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2562 พบว่าอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งหมดประมาณ 20,757 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 40,972 ล้านบาท จำแนกเป็น คอนโดมิเนียมประมาณ 20,039 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 39,982 ล้านบาท  หรือคิดเป็น 97% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งหมด และจำแนกเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 718 ยูนิต หรือเพียงแค่ 3% เท่านั้น ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 990 ล้านบาท

จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 20,757 ยูนิต ขายไปแล้วประมาณ 12,905 ยูนิต หรือคิดเป็น 62.2% ของอุปทานที่อยู่ระห่างการขายทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ  25,473 ล้านบาท และยังมีหน่วยเหลือขายอีกประมาณ 7,852 ยูนิต หรือคิดเป็น 37.8% ด้วยมูลค่าประมาณ  15,499 ล้านบาท

สำหรับในส่วนของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขาย “คอนโดมิเนียม” ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า ณ สิ้นไตมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2562 มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 20,039 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 39,982 ล้านบาท  ขายไปแล้วประมาณ 12,370 ยูนิต หรือคิดเป็น 61.7% ด้วยมูลค่าประมาณ  24,680 ล้านบาท และมีหน่วยเหลือขายประมาณ 7,669 ยูนิต หรือคิดเป็น 38.3% ด้วยมูลค่าประมาณ  15,302 ล้านบาท หากจำแนกเป็นพื้นที่ พบว่า จังหวัดปทุมธานี เป็นพื้นที่ที่มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายคอนโดมิเนียมระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทมากที่สุดที่ประมาณ 9,223 ยูนิต รองลงมาคือ กรุงเทพมหานครที่ประมาณ 6,570 ยูนิต นนทบุรีที่ประมาณ 3,986 ยูนิต  และสมุทรปราการที่ปราณ 260 ยูนิต

ส่วนของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขาย“บ้านจัดสรร”ในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ สิ้นไตมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2562  พบว่า มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 718 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 990 ล้านบาท  ขายไปแล้วประมาณ 535 ยูนิต หรือคิดเป็น 74.5% ด้วยมูลค่าประมาณ  737 ล้านบาท และมีหน่วยเหลือขายประมาณ 183 ยูนิต หรือคิดเป็น 25.5% ด้วยมูลค่าประมาณ  253 ล้านบาท

หากจำแนกเป็นพื้นที่ พบว่า สำหรับกรุงเทพมหานครไม่มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายของบ้านจัดสรรระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาของราคาที่ดินที่ค่อนข้างสูงเป็นอย่างมาก จนผู้ประกอบการไม่สามารถพัฒนาบ้านจัดสรรในระดับราคานี่ได้ และจากข้อมูลพบว่า จังหวัดสมุทรปราการ เป็นพื้นที่ที่มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายบ้านจัดสรรมระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทมากที่สุดที่ประมาณ 542ยูนิต รองลงมาคือ นนทบุรีที่ประมาณ 108 ยูนิต  และสมุทรปราการที่ปราณ 68 ยูนิต

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*