ซีบีอาร์อีเผยผลสำรวจไตรมาส4/61 พบยอดขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมของผู้ประกอบการรายใหญ่เพิ่มขึ้น 50% รับอานิสงส์สงครามการค้าฯจีนหอบเม็ดเงินลงทุนย้ายฐานผลิตมาไทย ส่งผลดันความต้องการพื้นที่คลังสินค้า-ศูนย์กระจายสินค้ารุ่นใหม่พุ่งสูงขึ้น

นายอดัม เบลล์ หัวหน้าแผนกพื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าจากการสำรวจ ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2561  พบว่ายอดขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม (SILPs) ของผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 50% จากปีก่อนหน้า คิดเป็นพื้นที่ขายรวม 1,000 ไร่ โดย 146 ไร่ อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีนของอมตะซึ่งพัฒนาที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมสำหรับผู้ผลิตจากจีนโดยเฉพาะ

ทั้งนี้จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พบว่าตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ในภาคการผลิตของไทยปี 2561 เพิ่มขึ้นถึง 130% จากปีก่อนหน้า ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายได้รายงานว่าผู้ผลิตจีนมีความต้องการที่จะย้ายฐานการผลิตเข้ามายังประเทศไทย เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีนส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ “Made in China” หรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในจีนนั้นมีอัตราภาษีที่สูงขึ้น

“เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการที่ผู้ผลิตจีนย้ายฐานการผลิตเนื่องจากสงครามการค้า แต่ไทยเองก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน ที่ผ่านมาญี่ปุ่นเป็นแหล่งที่มาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคการผลิตของไทยนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2530 แต่อาจถูกแทนที่โดยจีนในอนาคต” นายอดัม กล่าว

โดยบริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน)หรือ CPLAND  ซึ่งเป็นบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ตั้งบริษัทร่วมทุนกับกว่างซี คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของจีน ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี ในจังหวัดระยอง บนพื้นที่กว่า 3,068 ไร่ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือนักลงทุนจีนใน 4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) ศูนย์กลางการแพทย์ ดิจิตอล และหุ่นยนต์

“ไม่ใช่เพียงแค่ผู้พัฒนาที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากการที่จีนมีบทบาทมากขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย บริษัทด้านอี-คอมเมิร์ซของจีนก็ทำให้ความต้องการพื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ารุ่นใหม่(MLP) ในไทยให้เพิ่มมากขึ้น   เมื่อปีที่แล้วได้มีการประกาศการร่วมทุนระหว่าง WHA ซึ่งเป็นผู้พัฒนาพื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ารุ่นใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กับบริษัทอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของจีนสองแห่ง คือ อาลีบาบา และ JD.com เพื่อสร้างศูนย์จัดเก็บ ค้นหาและบรรจุสินค้า รวมทั้งบริการจัดส่ง (Fulfilment Centre)”

ทั้งนี้ซีบีอาร์อีเชื่อว่าอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยกำลังจะเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆในโลก โดยมีบริษัทด้านอี-คอมเมิร์ซจากจีนเป็นตัวผลักดันให้ความต้องการพื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ารุ่นใหม่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่กำลังดำเนินอยู่จะเป็นประโยชน์ต่อตลาดที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมของไทยจากการย้ายฐานการผลิตเข้ามาอยู่ในประเทศไทย

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*