ซีแพนเนลฯ มั่นใจตลาดอสังหาฯโตต่อเนื่อง  รายใหญ่ยังกินรวบ ขณะที่รายเล็กเร่ิมปรับตัวผนึกกำลังนำที่ดินสะสมพัฒนาโครงการ ลดความเสี่ยง พร้อมรับอานิสงส์ความต้องผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าเสนองานลูกค้าใหม่ ล่าสุดเจรจาแล้ว 5 ราย สั่งซื้อสินค้ามูลค่า 100-200 ล้านบาท โชว์ Backlog 501 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้โต 20-30% รายได้แตะ 318 ล้านบาท

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะออกแพ็กเกจมาตรการต่างๆเพื่อพยุงเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะมาตรการที่กระตุ้นภาคอสังหาฯมองว่าหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและ 3 สมาคมอสังหาฯล้วนทราบดีว่าภาครัฐจะมีมาตรการระยะสั้นเพื่อช่วยภาคธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่มีส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการในตลาดกลับมีน้อยลง แต่ตนมองว่าภาคธุรกิจอสังหาฯก็ไม่ยังมีปัญหาแต่อย่างใด โดยภาพรวมแล้วยังมีผลกำไรที่เป็นตัวเลข 2 หลักทุกปีอย่างต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาจะเริ่มเห็นเทรนด์ผู้ประกอบการรายเล็กประมาณ 3-5 รายร่วมทุนกันด้วยการผลัดกันนำที่ดินมาพัฒนาโครงการ เพื่อลดความเสี่ยง และแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ ที่ส่วนใหญ่จะร่วมทุนกับกลุ่มผู้ประกอบการายใหญ่จากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ซีแพนเนลฯได้รับอานิสงส์ จากการที่มีการพัฒนาโครงการมากขึ้นด้วย 


โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ได้รับความนิยมและการยอมรับเพิ่มขึ้นมาก จากผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ที่เริ่มปรับตัวใช้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปแทนวัสดุอื่น ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเกิดขึ้นจำนวนมากตามความต้องการใช้งาน แต่ยังมีผู้ผลิตรายใหญ่มีเพียงไม่กี่ราย

ทั้งนี้ CPanel ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการแข่งขัน โดยผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปด้วยหุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automatic เพียงรายเดียวที่สามารถออกแบบและขึ้นงานได้ตามความต้องการของลูกค้า มีการบริหารจัดการและควบคุมงานที่มีประสิทธิภาพ และด้วยการผลิตที่ได้มาตรฐานทำให้ลดการเกิดปัญหาหน้างาน อีกทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งบริษัทได้รับความไว้วางใจจากผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำจำนวนมาก จนสามารถเป็นผู้นำตลาดผนังคอนกรีตสำเร็จรูป อันดับต้นๆของประเทศ ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 20,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“CPanel มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี เชื่อว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะเติบโตในเกณฑ์ดีเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเติบโตประมาณ 5% จากโครงการแนวราบและแนวสูง   ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวขนาดกลางขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาฯยังคงมีความเสี่ยง จากมาตรการคุมเข้มของการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ต้องมีการปรับตัว ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน บริหารความเสี่ยง และใช้วัสดุที่ทำให้การก่อสร้างเสร็จเร็วมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทในการเติบโตในปีนี้” นายชาคริต กล่าว

นายชาคริต กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปีนี้ว่า ยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมและเดินหน้าทำการตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีรูปแบบโครงการที่หลากหลาย ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 5 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและคอนโดฯโลว์ไรส์ ในทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว โดยคาดว่าผู้ประกอบการแต่ละรายจะมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯในระยะยาวอย่างน้อย 1 ปี คิดเป็นมูลค่ารายละประมาณ 100-200 ล้านบาท  ตลอดจนโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยในปีนี้มีโครงสร้างอาคารภาครัฐเป็น Fully Prefab 1 โครงการ และ เป็น Façade 2 โครงการ

ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าจำนวน 15 ราย มีมูลค่างานในมือ (Backlog) 501 ล้านบาท  ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2563 ขณะที่กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 60% หรือประมาณ 840,000 ตารางเมตร/ปี และตั้งเป้าอัตราการเติบโตปี 2562 นี้อยู่ที่ 20-30% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 318 ล้านบาท จากปี 2561 ที่ผ่านมามีรายได้ที่ 240 ล้านบาท