พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยแม้ธปท.ประกาศใช้เกณ์LTVแล้ว แต่ทิศทางตลาดแนวราบปี62ยังสดใสโตใกล้เคียงปีที่ผ่านมา เหตุได้แรงส่งจากดีมานด์-การกระตุ้นตลาดจากผู้ประกอบการ ขณะที่อุปสงค์-อุปทานบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ครึ่งปีหลัง61 พบเติบโตต่อเนื่อง ระบุทำเลที่มีระบบคมนาคมเชื่อมต่อเข้าเมืองมีการตอบรับดี
นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2562 จะยังได้รับแรงส่งที่ดีจากความต้องการของผู้บริโภคในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เองก็น่าจะมีแคมเปญออกมากระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่องเพื่อจูงใจผู้ซื้อ จึงคาดว่าตลาดแนวราบจะเติบโตใกล้เคียงกับปี 2561 ทั้งนี้จากการสำรวจโดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ฯ พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ที่ผ่านมา ตลาดแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ อุปสงค์และอุปทานเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยตลาดบ้านเดี่ยวมีอุปทานเสนอขายเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีอุปทานรวมอยู่ที่ราว 17,400 ยูนิต ในจำนวนนี้มีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าหรือประมาณ 7,300 ยูนิต โดยมีโครงการเก่าที่ขยายเฟสก่อสร้าง และมีอุปทานของโครงการใหม่ที่เปิดขายโดยเกิดจากการที่ผู้ประกอบการต้องการกระตุ้นลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อก่อนการบังคับใช้เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) ในเดือนเมษายน 2562 โดยมีอุปสงค์ให้การตอบรับไปแล้วราว 7,700 ยูนิต หรือคิดเป็นยอดขาย 44% โดยอุปสงค์รวมในช่วงครึ่งปีหลัง 2561เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 44% จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ซึ่งระดับราคา 3-5 ล้านบาท ยังคงเป็นกลุ่มหลักของตลาดนี้ ซึ่งทำยอดขายได้ดีในแถบชานเมืองและปริมณฑล เนื่องจากการพัฒนาโครงการในระดับราคานี้เริ่มขยายออกไปยังบริเวณดังกล่าวมากขึ้นประกอบกับมีการพัฒนาระบบคมนาคมในโซนนั้น เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ การพัฒนาถนน ทำให้สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ไม่ยาก

ส่วนตลาดทาวน์เฮาส์มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ที่ผ่านมาตลาดทาวน์เฮาส์ขยายตัวอย่างต่อเนื่องพบอุปทานเสนอขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21% มาอยู่ที่ประมาณ 36,200 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท สำหรับอุปทานใหม่ในตลาดทาวน์เฮาส์ช่วงครึ่งปีหลัง 2561 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 24% หรือคิดเป็น 16,000 ยูนิต โดยอุปสงค์ให้การตอบรับไปแล้วประมาณ 17,200ยูนิต หรือคิดเป็นอัตราขายได้ 47% ซึ่งอุปสงค์รวมในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนและ 66% จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561  อย่างไรก็ดีทาวน์เฮาส์าคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ยังเป็นสินค้าหลักในตลาดที่อุปสงค์ให้การตอบรับดี ในขณะที่ช่วงราคา 3-5 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงถึง 39% จากปีก่อน โดยมียอดขายเกิดขึ้นไปแล้วประมาณ 50% ทั้งนี้ตลาดทาวน์เฮาส์เติบโตได้ดีในเขตชานเมืองที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้โดยง่าย และยังได้เปรียบคอนโดมิเนียมที่อยู่ทำเลเดียวกันในด้านพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าในระดับราคาใกล้เคียงกัน

“ช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอตัวในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนมาตรการ LTV  อย่างไรก็ตามมองว่าการบังคับใช้ LTV ไม่น่ากระทบต่อตลาดแนวราบมากนัก เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เป็นสินค้าที่มีความต้องการอยู่อาศัยจริง”นางสาวสุวรรณี กล่าวในที่สุด