สมาคมสถาปนิกสยามฯผนึก เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่นฯ ประกาศความพร้อมยกระดับ งานสถาปนิก’62 ยิ่งใหญ่ระดับอาเซียน ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคมนี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี มั่นใจปัจจัยลบ-การเมืองไม่กระทบการจัดงาน เผยมีผู้ประกอบการร่วมงานมากกว่าเดิม รวม 850 บริษัท กว่า 3,000 บูธ ชูคอนเซ็ปต์“กรีน อยู่ ดี : Living Green” คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 10,000 ล้านบาท

 ดร.อัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เปิดเผยว่า ในปี2562 นี้ทางสมาคมฯได้กำหนดจัดงาน “สถาปนิก’62” ขึ้นเป็นครั้งที่ 33 ภายใต้แนวคิด “กรีน อยู่ ดี : Living Green” เพื่อนำเสนอแนวทางการออกแบบสถาปัตยกรรม นวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยการจัดงานดังกล่าวถือเป็นการแสดงสถาปัตยกรรม วัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพและนำเสนอผลงานความก้าวหน้าทางสถาปัตยกรรม อีกทั้งยังต้องการสร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทวิชาชีพสถาปนิกที่มีต่อสังคมให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งงานนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อคนในวิชาชีพสถาปนิกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปที่สนใจด้านงานออกเเบบเเละการก่อสร้าง

ดร. อัจฉราวรรณ จุฑารัตน์ ประธานการจัดงานสถาปนิก’62 กล่าวว่า “งานสถาปนิก’62”จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน –  5 พฤษภาคม 2562 ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้อยากให้ผู้เข้าร่วมออกบูธและผู้เข้าชมงานเกิดจิตสำนึกใน“กรีน อยู่ ดี : Living Green”และนำไปปฏิบัติได้จริง  โดยปัจจัยลบทั้งจากในและต่างประเทศ รวมไปถึงสถานการณ์ทางด้านการเมือง ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดงานดังกล่าวแต่อย่างใด โดยมีผู้เข้าร่วมออกบูธภายในงานมากกว่าปี 2561 ที่ผ่านมา และพบว่ามีผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายเพิ่มขนาดบูธที่ใหญ่มากกว่าปีที่ผ่านมาถึงประมาณ 30 ราย ขณะเดียวกันก็มีผู้ประกอบการบางรายที่ไม่เคยร่วมออกบูธในงาน ก็มาร่วมงานนี้เป็นครั้งแรก สัดส่วน 20-30% และส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าดีไซน์ใหม่ที่ต้องการเปิดตัวในงาน “สถาปนิก’62” เป็นครั้งแรกเช่นกัน

 

นอกจากนี้ภายในงานจะมีการแสดงสินค้าจากหลายประเทศที่พร้อมนำเสนอนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างใหม่ๆ ที่น่าสนใจแล้ว ยังมีนิทรรศการหลัก (Thematic Exhibitions) ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ที่โชว์นวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผนวกกับเทคโนโลยี เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน ซึ่งผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ ‘สีเขียว’ (Green Experience) อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการนำวัสดุต่างๆ ไปใช้ต่อหลังจบงาน

 

“ในงานทุกท่านจะได้พบกับกิจกรรมประกวดออกแบบระดับนานาชาติ “ASA International Design Competition 2019” โจทย์การออกแบบของปีนี้คือ Uncanny Sustainability เพื่อค้นหาไอเดียการสร้างสรรค์งานออกแบบที่ยั่งยืนและแตกต่างจากรูปแบบเดิม ซึ่งจะมีสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาเป็นกรรมการตัดสินด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “ASA Forum 2019” งานสัมมนาสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติ มีสถาปนิกที่มีชื่อเสียงมาร่วมบรรยายบนเวที

 นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจงานแสดงสินค้ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมางานเอ็กซิบิชั่นสามารถสร้างรายได้กว่า 200,000 ล้านบาท โดยมีผู้ร่วมชมงานกว่า 30 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติมากกว่า 1 ล้านคน คาดว่าอุตสาหกรรม MICE ของไทยจะเติบโตราว 6-10% ในปี 2562

 

สำหรับการเตรียมความพร้อมในการจัด “งานสถาปนิก’62” นั้นจะใช้พื้นที่ในการจัดงานทั้งหมด 75,000 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน  มีผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศกว่า 850 บริษัท กว่า 3,000 บูธ โดยเป็นชาวต่างประเทศมาร่วมออกบูธประมาณ 40 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย จีน เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ตุรกี อังกฤษ อเมริกา และเวียดนาม เป็นต้น โดยจีน จะยังคงสัดส่วนการร่วมจัดงานมากที่สุดเป็นเป็น 40% จากสัดส่วนชาวต่างชาติทั้งหมด คาดว่าภายในงานจะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจมากกว่า 400 นัดหมาย โดยนีโอได้เชิญบริษัทที่อยู่ในวงการสถาปัตยกรรมและการก่อสร้างจากทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV) มาร่วมชมงาน ซึ่งคาดว่าจะเกิดมูลค่าการซื้อขายภายในงานกว่า 10,000 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

นายอาจิณเวท วงศ์ทอง ผู้จัดการโครงการอาวุโส บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดการก่อสร้างของอาเซียนมีการเติบโตเฉลี่ย 5.2% ในปี 2559-2563 และคาดการณ์ว่าภายใน 5 ปีนี้จะมีการมูลค่าการลงทุนด้านการก่อสร้างสูงถึง 2.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยในปี 2561 มีการเติบโตราว 5% และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มมากขึ้น 7-9% ในระหว่างปี 2561-2563

 

“ในปีนี้เราจัดงานสถาปนิกในธีม Green Living เพื่อเชิญชวนทุกคนมาร่วมชมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งเเวดล้อม ซึ่งปัจจุบันตลาดอาคารเขียวกำลังเป็นที่น่าจับตามอง โดยมีภาพรวมของทั่วโลกเติบโตอยู่ที่ 13% ต่อปี ต่อเนื่องไปถึงปี 2563 ส่วนประเทศไทยมีการเติบโตจากเดิมที่มีจำนวนอาคารเขียวเพียง 55 อาคาร เป็น 240 อาคารในปีที่ผ่านมาและปีนี้คาดการณ์ว่าจะสูงถึง 252 อาคาร” นายอาจิณเวท  กล่าว

ทั้งนี้ ในงานสถาปนิก’62 ผู้ประกอบการต่างได้เตรียมสินค้าไฮไลท์มาจัดแสดง อาทิ

บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด นำเสนอเทคโนโลยี IoT ที่มาผนวกกับระบบของสินค้าต่าง ๆ ภายในบ้าน เพื่อให้ผู้บริโภคสะดวกสบาย มีอิสระ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ภายใต้ Platform ที่เรียกว่า “Smart Living Solution”

บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด นำสี GColor by Graphenstone ซึ่งเป็นสีจากธรรมชาติที่ทาได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ที่ได้รับการันตีจาก Cradle to Cradle มาตรฐานระดับสูงที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมครบวงจร ปลอดภัยยามใช้งาน และช่วยลดโลกร้อน รวมถึงย่อยสลายแล้วไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม

บริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด นำเสนอถังเก็บน้ำคู่ปั๊มน้ำ นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย มุ่งสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นการออกแบบที่มีความลงตัวอย่างเป็นเอกลักษณ์

บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) สาธิตนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สีนาโน ซึ่งได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับธีมงาน Green Concept

บริษัท โมเก้น (ประเทศไทย) จำกัด เสนอสุขภัณฑ์และเฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำ ที่นำธรรมชาติมาผนวกเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมทั้งใช้วิธีผสมผสานกลิ่นอายด้วยการเลือกใช้กลุ่มสีและลวดลายที่มีแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด นำสินค้านวัตกรรมมาจัดแสดงมากมาย อาทิ ชุดล็อคประตูระบบดิจิทัลที่สะดวกในการใช้งานและเพิ่มความปลอดภัย, ระบบควบคุมแสงสว่างอัจฉริยะ และบานเลื่อนภายนอกอาคารที่ช่วยป้องกันแสงแดด ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในอาคาร เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ ลามิเนตโปร่งแสง โดย AICA จากญี่ปุ่น, บีช พูล! นำนวัตกรรมการสร้างสระว่ายน้ำ จำลองชายหาดและทะเลมาอยู่ในบ้าน, กระจก HALIO จาก AGC ควบคุมความเข้มผ่านมือถือได้ เป็นต้น