เอพี (ไทยแลนด์) กางแผนปี2562 ชูแผนธุรกิจภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร เตรียมเปิดใหม่ 39 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 56,800 ล้านบาท คาดสิ้นปีมียอดขายรวม 41,800 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมตั้งเป้าไว้ที่ 35,900 ล้านบาท

 

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า ในปี2562 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 41,298 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 35,900 ล้านบาท (รวม100%JV) ในปีนี้ตั้งงบการตลาดในปี 2562 ไว้ที่ 3 % ของยอด revenue รวมประมาณ 900 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • แนวราบ 615 ล้านบาท
  • แนวสูง 285 ล้านบาท

นายวิทการ จันทวิมล

เพื่อให้ถึงเป้าหมายส่การเป็นเบอร์ 1 ภายใต้วิสัยทัศน์ AP World บริษัทฯได้วาง 4 กลยุทธ์หลักในการรุกธุรกิจอสังหาฯปี 2562 ดังนี้

  • เปิดตัวโครงการครบ 9 แบรนด์ ในทุกเซ็กเมนต์  โดยในปีนี้เอพีเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,800 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท (เป็นคอนโดฯร่วมทุน 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท) และแนวราบ 34 โครงการ มูลค่ารวม 34,400 ล้านบาท (แบ่งเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท)
  • สร้างความแตกต่างด้วยสินค้าที่ตอบความต้องการของคนทุกช่วงชีวิต ผ่าน 3 แนวคิดสำคัญในการออกแบบ ได้แก่ (1) SPACE TRANSFORMATION – ออกแบบให้พื้นที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง (2) HUMAN CONNECTION – สร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยทุกวัยเชื่อมต่อกันได้ในสังคมของเอพี และสังคมรอบข้างอย่างมีคุณภาพ และ (3) LIFE-LONG COMMUNITY – การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้
  •  ผสานกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยกระดับคุณภาพคอนโดมิเนียมในเครือเอพีอย่างต่อเนื่อง ด้วย ‘AI BIM’ (Artificial Intelligence Building Information Modeling) โดยในปี 2562 นี้ เอพีได้นำเทคโนโลยี ‘AI BIM’ มาใช้แบบครบวงจรในการพัฒนาคอนโดฯ แบบ High-Rise ทุกโครงการ
  • ต่อยอดความแข็งแกร่งของ BC และ SMART ช่วยให้เอพีก้าวไปสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร (Total Solution Community Developer) โดยในปีนี้ BC ซึ่งเป็นบริษัท Property Agent พร้อมรุกต่อในตลาดที่เป็นเมืองรองในต่างประเทศ อาทิ คุนหมิง หนานจิง ซีอานในจีน และโอซาก้า ฟุกุโอกะในญี่ปุ่น หลังประสบความสำเร็จในเมืองหลัก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และอีกหลายเมืองในประเทศจีน และญี่ปุ่นมาแล้ว ตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้ที่ 15,000 ล้านบาท (ปี 2561มียอดขาย 12 ,000 ล้านบาท) ส่วน SMART  บริษัท Property Management เตรียมเปิดตัว SMART PLATFORM ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตและประสบการณ์การอยู่อาศัยของกว่า 55,000 ครัวเรือน ในกว่า 200 โครงการ ที่ไม่ใช่เฉพาะในเครือของเอพีในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 300 โครงการ

 

นายวิทการ กล่าวด้วยว่าบริษัทฯ มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนเมืองที่มองหาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ในทุกเซ็กเมนต์ โดยในปีนี้ เอพีเตรียมเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ รวมมูลค่า 22,400 ล้านบาท ภายใต้ 4 แบรนด์ในเครือ ได้แก่  ASPIRE ใน  2 ทำเล ได้แก่ สุขุมวิท – อ่อนนุช และอโศก – รัชดา ที่เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่/คนทำงาน โดยมีโครงการร่วมทุนระหว่าง เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป – MECG) รวมทั้งสิ้น  3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS,  RHYTHM, และ LIFE

 

ทั้งนี้ในช่วงเดือนมีนาคม 2562 นี้ มีแผนเปิดตัวคอนโดฯ 3 โครงการ คือ โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดในกลุ่ม Upper High-End บนทำเลเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท จำนวน 303 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (เฉลี่ย 210,000 ล้านบาทต่อตร.ม.)  ส่วนอีก 2โครงการจะเป็นแบนด์ ASPIRE  คือโครงการ ASPIRE  สุขุมวิท-อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท จำนวน 553 ยูนิต ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาท ( เฉลี่ย 86,000 บาทต่อ ตร.ม.) และโครงการ ASPIRE  อโศก-รัชดา มูลค่า 2,500 ล้านบาท จำนวน 1,025 ยูนิต ราคาเริ่ม 1.99 ล้านบาท (เฉลี่ย 89v,000 บาทต่อ ตร.ม.) ทั้ง 2 โครงการเป็นคอนโดฯแบบ Low Rise เปิดจองครั้งแรกที่งาน Vertical World ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน วันที่ 21-24 มีนาคมนี้

 

เพิ่มน้ำหนักตลาด 2.5-4.5 ล้านบาทและยังเน้นสร้างบ้านก่อนขาย

ด้านแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวรบนั้นนายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพีฯ กล่าวว่า ในปี 2562 นี้ เอพีพร้อมรุกตลาดแนวราบในทุกทำเล ภายใต้พันธกิจสำคัญในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้านเอพีอย่างแท้จริง ด้วยแผนการพัฒนาโครงการใหม่ถึง 34 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 34,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท ทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780 ล้านบาท ซึ่งการรุกตลาดแนวราบนั้นจะขยายทำเลให้ครอบคลุมทุกทำเล เช่น ย่านดอนเมือง วัชรพล พหลโยธิน สวนหลวง ราชพฤกษ์ บางใหญ่ สวนผัก อ่อนนุช พระราม 2 สายไหม เป็นต้น

สินค้าแนวราบในแต่ละแบรนด์มีระดับราคาที่แตกต่างกันดังนี้

  • แบรนด์ PALAZZO ระดับราคา 30-50 ล้านบาท
  • แบรนด์ THE CITY ระดับราคา 7-15 ล้านบาท
  • แบรนด์ CENTRO ระดับราคา 4-6 ล้านบาท
  • แบรนด์ บ้านกลางเมือง ระดับราคา 4.5-12 ล้านาท
  • แบรนด์ Pleno ระดับราคา 2.5-4.5 ล้านบาท

 

โครงการจัดสรรแนวราบที่เปิดตัวใช้เวลาในการพัฒนาขายและปิดโครงการประมาณ 2.5 – 3 ปี จะเป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย 3 เท่าของยอดขายต่อเดือน ดังนั้น สินค้าพร้อมขายในแต่ละเดือนที่มีอยู่ในแต่ละโครการจะแตกต่างกันมีการปรับขึ้น-ลงตามยอดขาย ซึ่งทางทีมงานจะมอร์นิเตอร์อย่างใกล้ชิดทุกๆเดือน ทั้งนี้หลังลูกค้าตัดสินใจซื้อละทำสัญญาทางโครงการพร้อมโอนให้ลูกค้าภายใน 1-2 เดือน

นายภมร ประเสริฐสรรค์

ทั้งนี้ โครงการแนวราบที่เปิดใหม่ในปีนี้จะเน้นแบรนด์  Pleno ระดับราคา 2.5-4.5 ล้านบาท ลูกค้าที่ซื้อบ้านแนวราบ 80-90 % เป็นกลุ่มที่ซื้อเป็นบ้านหลังแรกและที่เหลือ 10-20 % จะซื้อเป็นบานหลังที่สอง ซึ่งบริษัทฯก็จะมีการปรับสัดส่วนเงินดาวน์ตามความเหมาะสม และความสำเร็จในกาขายบ้านแนวราบนั้นนอกจากจะเป็นเรื่องโลเกชั่นแล้วในแต่ละโครงการ บริษัทฯยังได้ทำ“ Price Pack” ที่มีองค์ปะกอบด้วยขนาดที่ดินและประเภทของสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อและสภาพการแข่งขันของตลาดในแต่ะลทำเล

 

โดยในปี 2562 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,800 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท แนวราบ 34 โครงการ มูลค่า 34,400 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายยอดขาย 41,800 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวม 35,900 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่า 30,440 ล้านบาท แนวราบ 17 โครงการ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 6 โครงการ และทาวน์โฮม 11 โครงการ มูลค่ารวม 16,840 ล้านบาท และ 4 คอนโดมิเนียมใหม่

 

ส่วนแผนการพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 2562 นี้บริษัทฯ มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนเมืองที่มองหาคอนโดฯโครงการใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ในทุกเซ็กเมนต์ โดยในปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ รวมมูลค่า 22,400 ล้านบาท ภายใต้ 4 แบรนด์ในเครือ ด้านโครงการแนวราบ บริษัทมีแผนการพัฒนาโครงการใหม่ 34 โครงการ มูลค่ารวม 34,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท ทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780 ล้านบาท ซึ่งการรุกตลาดแนวราบนั้นจะขยายทำเลให้ครอบคลุมทุกทำเล

 

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดขายรวมอยู่ที่ 41,300 ล้านบาท เติบโต 103% แบ่งเป็น คอนโดฯ 21,646 ล้านบาท แนวราบ 19,652 ล้านบาท มีรายได้รวม 38,020 ล้านบาท เติบโต 30% และมีกำไรสุทธิ 3,856 ล้านบาท เติบโต 22.5% ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ ( BACKLOG) รวมโครงการร่วมทุน มูลค่า 50,025 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 7,935 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดฯที่ AP พัฒนาประมาณ 2,310 ล้านบาท และเป็นคอนโดฯร่วมทุน 39,780 ล้านบาท